คำถามคาใจที่ทุกคนต้องถามคือ แล้วเมื่อไร Nissan Note e-Power : Series Hybrid รุ่นล่าสุดเมื่อไรจะมีจำหน่ายในเมืองไทย? เพราะหลายคนรู้สึกว่าประสิทธิภาพของ e-Power มันน่าสนใจกว่ารถยนต์ Hybrid ทั่วไป ที่เห็นชัดคือสมรรถนะการขับขี่ในช่วง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ทำได้ประมาณ 8 วินาที และประหยัดน้ำมันชนิดที่ว่าแตกต่างจากรถยนต์ปกติทั่วไป นั่นเป็นเพราะว่าระบบ Series Hybrid จะเป็นการนำพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาถ่ายทอดลงสู่ล้อโดยตรงนั่นเอง
ล่าสุด Yutaka Sanada รองประธานอาวุโส Nissan Motor และดำรงตำแหน่งผู้บริหาร Nissan แห่งเอเชีย-แปซิฟิก ได้เปิดเผยแผนการในงานประชุม First ASEAN Electric & Hybrid Vehicle Summitเมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ว่า Nissan Motor กำลังวางแผนการแนะนำ Nissan Note e-Power เข้าสู่ตลาดอาเซียนอย่างจริงจัง
Sanada ไม่ได้ระบุว่า Nissan Note e-Power จะเตรียมเปิดตัวในตลาดอาเซียนเมื่อใด ขณะเดียวกัน Ramesh Narasimhan ผู้บริหาร Nissan ฟิลิปปินส์ก็ยังไม่สามารถระบุราคาจำหน่ายได้ชัด ทั้งนี้ราคาจำหน่ายก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์จะสนับสนุนเพียงใด
หลักการทำงานของ Nissan Note e-Power คือ ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังสูงแบบเดียวกับรถไฟฟ้า EV โดยนำเทคโนโลยีรถไฟฟ้าจาก Nissan Leaf มาประยุกต์กับเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปที่ไม่เชื่อมต่อกับล้อ เครื่องยนต์ใช้สำหรับปั่นไฟฟ้าลงสู่แบตเตอรี่ แตกต่างจากรถ Hybrid ทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์ส่งพละกำลังลงสู่ล้อด้วย
รายละเอียดขุมพลัง Nissan Note e-Power
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ (เครื่องยนต์ไม่มีหน้าที่ขับเคลื่อนส่งพละกำลังลงสู่ล้อ)เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 High Power ที่สร้างพละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,008 – 10,000 รอบ/นาทีแรงบิดสูงสุด 254 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,008 รอบ/นาที
Nissan เคลมว่า Note e-Power มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีที่สุด 37.2 กิโลเมตรต่อลิตรตามมาตรฐานการทดสอบ JC08 เทียบเท่า Toyota Prius Plug-in (Prius Prime) และเหนือกว่า Toyota Aqua (Prius C) ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีที่สุด 37 กิโลเมตรต่อลิตร
Nissan Note e-Power ในตลาดญี่ปุ่นมีให้เลือก 5 เกรด ได้แก่
- 1.2 e-Power S ราคา 1,772,280 เยน ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 62 g./km. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแค่เพียง 37.2 km/l
- 1.2 e-Power X ราคา 1,959,120 เยน ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 68 g./km. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแค่เพียง 34 km/l
- 1.2 e-Power Mode Premier ที่มีเป็นการนำหน้าตารุ่นก่อน Minorchange มาเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ ราคา 2,207,520 เยน ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 68 g./km. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแค่เพียง 34 km/l
- 1.2 e-Power Medalist ราคา 2,244,240 เยน ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 68 g./km. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแค่เพียง 34 km/l
- 1.2 e-Power NISMO รุ่นแพงสุดจึงมีราคาสูงถึง 2,458,080 เยน
(Note e-Power ในญี่ปุ่น ราคาเริ่มต้น 1,772,280 – 2,458,080 เยน หรือประมาณ 530,000 – 737,000 บาท)
Nissan Note e-Power จะจัดอยู่ในหมวดรถยนต์นั่งแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง และ ไฟฟ้า (Hybrid Electric Vehicle) ตามความหมายของราชกิจจานุเบกษา เรื่อง ลดอัตราสรรพสามิต ฉบับที่ 138 เกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ที่กำหนดโดยกระทรวงการคลัง ประกอบไปด้วยรถยนต์ Hybrid (HEV) / Plug-in Hybrid (PHEV) / Range Extended (REEV) (อ่านข้อมูลเต็มได้ที่นี่)
ถ้าหาก Nissan Motor ขอรับการส่งเสริมการลงทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่อแบบผสม (รถยนต์ Hybrid) ต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2017 Nissan Note e-Power จะได้รับสิทธิ์ลดอัตราภาษีสรรพสามิตครึ่งหนึ่งจาก 10% เหลือเพียงแค่ 5% เพราะ Note e-Power มีการปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 62-68 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
ลูกค้าชาวอาเซียนเตรียมจับตาความพร้อมของ Nissan Note e-Power ให้ดี ๆ
ที่มา : Autoindustriya