ยังคงอยู่กับเรื่องภาษีรถยนต์นำเข้า แต่คราวนี้จะข้ามไปดูที่ฝั่งสหรัฐฯ เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้กรมการคลัง (Commerce Department) ทำการศึกษาผลกระทบของรถยนต์นำเข้า ที่มีต่ออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศ ทั้งยังมองว่ารถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตในประเทศ มีผลร้ายแรงในระดับที่เป็น ภัยต่อความมั่นคงของชาติเลยด้วย

ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้สั่งการให้ Wilbur Ross เลขานุการกรมการคลังของสหรัฐฯ ศึกษาว่าการนำเข้ารถยนต์ รถบรรทุก และชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ เนื่องจากธุรกิจรถยนต์และชิ้นส่วนถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของประเทศ ด้าน Ross ได้ออกแถลงการณ์ว่า กรมจะทำการสืบสวนอย่างโปร่งใสว่า การนำเข้าได้ทำลายเศรษฐกิจภายในประเทศหรือไม่

จากนั้น มีการเปิดเผยผลศึกษาที่พบว่า สัดส่วนการนำเข้ารถยนต์ในประเทศสหรัฐฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 32% เป็น 48% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในภาพรวมกลับไม่เปลี่ยนไปจากเดิม นอกจากนี้ มีการระบุด้วยว่า ผลศึกษาดังกล่าวยังครอบคลุมในเรื่อง ผลกระทบด้านวิจัยและพัฒนา, รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ, รถยนต์พลังงาน fuel cell และ มอเตอร์ไฟฟ้า

หลังจากนั้น ในวันที่ 23 พฤษภาคม ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความผ่าน Twitter ว่า จะมีข่าวใหญ่ในเร็วๆ นี้ ให้กับผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ หลังจากที่พวกคุณได้สูญเสียงาน ไปให้กับบริษัทต่างชาติ มานานเกินไปแล้ว ข้อความดังกล่าวนำไปสู่การวิเคราะห์ของ Wall Street Journal ว่า สหรัฐฯ อาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์เป็น 25% เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการรถยนต์ ดูจะไม่ได้ยินดีกับข่าวนี้เท่าใดนัก โดยสมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์นานาชาติของสหรัฐฯ (American International Automobile Dealers Association) ระบุว่า การปฏิบัติต่อผู้นำเข้ารถยนต์ ราวกับพวกเขาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ จะกลับมาทำร้ายสหรัฐฯ เองทั้งต่อผู้บริโภค ผู้จำหน่าย และพนักงานของบริษัทนำเข้า

ด้าน Global Automakers สมาคมด้านการค้ารถยนต์นานาชาติของสหรัฐฯ แสดงความเห็นในทางเดียวกันว่า นี่เป็นข่าวร้ายของผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ เพราะจะมีตัวเลือกรถยนต์น้อยลง และราคาจะสูงขึ้น นอกจากนั้น บริษัทรถยนต์กำลังเติบโตในสหรัฐฯ โดยจะมีผู้เล่น 14 ราย ในเร็ววันนี้ และเท่าที่เขาทราบ ไม่มีบริษัทไหน เรียกร้องมาตรการนี้มาเลย

 

ที่มา: Carscoops, Carthrottle