smart กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่เปลี่ยนทิศทาง จากการใช้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นขุมพลังไฟฟ้า EV เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัว smart EQ ให้เลือกใน 3 แบบตัวถัง ประกอบด้วย smart EQ fortwo coupé, smart EQ fortwo cabrio และ smart EQ forfour ทั้งหมดใช้ขุมพลังไฟฟ้า EV หนึ่งเดียว
ภายนอกของ smart EQ เน้นความเป็นอนาคต เริ่มต้นกับไฟหน้า full-LED แบ่งออกเป็น 3 ส่วน มีกราฟฟิกที่โดดเด่น ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED ออกแบบมาให้สะท้อนแสงแปลกตาเช่นกัน กระจังหน้าสูญหายกลายเป็นแบบปิด แบบเดียวกับที่เห็นในรถยนต์ต้นแบบ และมีช่องดักลมในกันชนหน้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละตัวถัง โดย smart EQ fortwo มาในทรง A-shape ส่วน smart EQ forfour มาในทรง V-shape
ห้องโดยสารเปลี่ยนคอลโซลใหม่ พร้อมเพิ่มระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ UX concept ให้ผู้ใช้งานควบคุมระบบต่างๆ ในรถยนต์ผ่านโทรศัพท์ได้เป็นครั้งแรก รวมไปถึงการสั่งการจากภายนอก และตรวจสอบค่าของระบบต่างๆ ในรถยนต์ นอกจากนั้น ยังรองรับระบบ ready to หลายรายการ เช่น ready to share ไว้หาคนที่เดินทางไปทางเดียวกัน เพื่อแชร์ค่าเดินทาง หรือ ready to park สำหรับจองที่จอดล่วงหน้าสูงสุด 30 วัน
ขุมพลังของ smart EQ เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนสมรรถนะที่แตกต่างกันในแต่ละแบบตัวถัง มีรายละเอียดดังนี้
smart EQ fortwo coupé
- ทำอัตราเร่ง 0 – 100 km/h ใน 11.6 วินาที
- ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ 147 – 159 km.
smart EQ fortwo cabrio
- ทำอัตราเร่ง 0 – 100 km/h ใน 11.9 วินาที
- ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ 145 – 157 km.
smart EQ forfour
- ทำอัตราเร่ง 0 – 100 km/h ใน 12.7 วินาที
- ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ อยู่ที่ 140 – 153 km.
การชาร์จไฟ smart EQ ผ่านกระแสไฟบ้านขนาด 230 โวลต์ จะใช้เวลาชาร์จจนเต็มราว 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าใช้บริการสถานี Quick Charge จะร่นเวลาลงเหลือ 40 นาที สำหรับการชาร์จไฟจากระดับ 10 – 80% ทั้งยังเชื่อมต่อกับ smart EQ control app ให้ผู้ใช้งานตรวจสอบสถานะผ่านมือถือ และตรวจสอบจุดชาร์จในพื้นที่ รวมไปถึงชำระค่าบริการด้วย
smart EQ ทั้ง 3 แบบตัวถัง จะเปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show 2019 ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 12 กันยายน ณ ประเทศเยอรมนี ส่วนขั้นตอนการเลือกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ เริ่มต้นจากรุ่นย่อย passion, pulse หรือ prime ตามด้วยแนวทางตกแต่งระหว่าง Advanced, Premium หรือ Exclusive ปิดท้ายด้วยสีตัวถัง ทั้งหมดนี้สรรสร้างให้ smart EQ ของลูกค้าแต่ละรายมีเอกลักษณ์มากที่สุด
ที่มา : Daimler