Koenigsegg Jesko ถูกส่งมาสานต่อตำนานอย่าง Agera RS ซึ่งสามารถใช้ในชีวิตจริงหรือเอาไปลงสนามก็ได้ ส่วนชื่อรุ่นนั้นตั้งตามชื่อของบิดาผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Jesko von Koenigsegg ผู้ที่เกษียณจากบริษัทด้วยวัย 80 ปี หลังช่วยขับเคลื่อนบริษัทมานาน ด้านรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังต่อไปนี้
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,610 x 2,030 x 1,210 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,700 มิลลิเมตร
ภายนอกของ Koenigsegg Jesko ล้วนออกแบบมาเพื่อประโยชน์ด้านการรีดลม เริ่มต้นกับสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ส่วนชายกันชนหน้าและแผงใต้ท้องรถ ยังสามารถปรับองศาได้เพื่อการจัดระเบียบลม หลังคาถอดออกได้ทำจากวัสดุน้ำหนักเบา ล้อมีขนาด 20 นิ้วในด้านหน้า และ 21 นิ้วในด้านหลัง เป็นแบบน็อตล็อคกลาง ทำจากวัสดุน้ำหนักเบา มาพร้อมกับยาง Michelin Pilot Sport Cup2
ห้องโดยสารมี legroom และ headroom มากขึ้น ทั้งยังมีทัศนวิสัยที่ดีกว่าเดิมด้วย โดยทั้งหมดนี้เป็นผลของการเปลี่ยนไปใช้ chassis ที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่ ส่วนวัสดุตกแต่งมีทั้งหนังพร้อมเดินด้ายสีตัดกัน, Alcantara และคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวเบาะเป็นแบบ Bucket Seat แป้นเหยียบและพวงมาลัยสามารถปรับระดับได้
ขุมพลังของ Koenigsegg Jesko เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 92.0 x 92.25 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 8.6 : 1 ให้กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า ที่ 7,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 1,500 นิวตันเมตร ที่ 5,100 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Light Speed Transmission 9 จังหวะ
โครงสร้างตัวถังเป็นแบบ monocoque ผลิตขึ้นจากคาร์บอนเบอร์และอลูมิเนียม ก่อนจะผสานเข้ากับเปลือกตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ในสวีเดน ช่วงล่างเป็นแบบ Double wishbones ทั้งหน้าหลัง มาพร้อมระบบปรับความสูงด้วยไฟฟ้า ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ 4 ล้อ ปิดท้ายกับรูปแบบการขับขี่ที่ปรับได้ 3 แบบอย่าง Wet – Normal – Track
Koenigsegg Jesko เปิดตัวแล้วในงาน Geneva Motor Show 2019 โดยมี Jesko von Koenigsegg ไปร่วมพิธีเปิดตัวด้วยตัวเขาเอง พร้อมภรรยานาม Brita เพื่อเป็นสักขีพยานในพิธีที่รถยนต์ตั้งชื่อตามเขา จะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ที่มา: Koenigsegg