MINI Countryman ได้มีทายาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับรหัส F60 ซึ่งการเปลี่ยนแปลง
ในครั้งนี้ เน้นไปที่ขนาดที่ใหญ่โตขึ้นในทุกมิติ ส่งผลให้ห้องโดยสาร และ พื้นที่บรรทุก
สัมภาระมีมากขึ้น สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของ F60 จะใช้ UKL Platform ซึ่งเป็นชนิด
เดียวกับที่ใช้อยู่ใน MINI ตัวถัง Hardtop, Clubman และ Convertible รุ่นล่าสุด
รวมไปถึง BMW X1 F48 ด้วย
ขนาดของตัวถังสามารถศึกษาได้ที่ตารางได้เลย ซึ่งจะพบว่ามีเพียงความสูงเท่านั้น ที่ยังคงเท่าๆเดิม
สำหรับงานออกแบบภายนอก ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของ Countryman รุ่นเดิมเอาไว้ ในด้านสไตล์
ความบึกบึนกว่า MINI รุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเสาหลังคาสีดำ, โป่งล้อสีดำ และหลังคาแบบ floating
ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปมีไม่น้อยเลย เริ่มต้นกับไฟหน้าที่มีความกลมน้อยลง จนแทบจะเป็นทรงสี่เหลี่ยม
คางหมู สำหรับไฟ LED และ DRL ต้องติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริม
รุ่นใหม่ F60 / รุ่นเดิม R60
กระจังหน้ายังดูคล้ายของเดิม แต่มีการเล่นรายละเอียดกับขอบโครเมี่ยมด้านในกระจังให้มีส่วนเว้าโค้ง
ด้านล่าง กันชนหน้าจะมีช่องดักลม 3 ช่อง พร้อมไฟตัดหมอกอยู่ปลายด้านใน นอกจากนี้ยังมีขอบ
กันชนหน้า-หลังสีดำอีกด้วย ด้านข้างมีการเล่นเส้นสายตัวถังในทรง Arrow-Shaped เสริมด้วยล้อ
ขนาด 17-18 นิ้ว ด้านท้ายยังคงลักษณะไฟท้ายเดิมพร้อมเอกลักษณ์วงแหวนไฟตรงกลางเอาไว้
สำหรับกันชนหลังมีดิฟฟิวเซอร์ พร้อมทับทิมสะท้องแสงด้านหลัง และ ปลายท่อไอเสียออก 2 ฝั่ง
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นไว้ มิติของตัวถังกว้างขึ้นในแทบทุกมิติส่งผลให้พื้นที่เหนือศีรษะ head room,
พื้นที่บริเวณด้านข้าง shoulder room และ พื้นที่วางขา leg room กว้างขึ้น รวมไปถึงพื้นที่บรรทุก
สัมภาระ เป็น 450 ลิตร และ เมื่อมาพับเบาะในรูปแบบ 40:20:20 จะเพิ่มความจุเป็น 1,309 ลิตร
มากกว่าเดิมอีก 220 ลิตร เบาะหลังสามารถเลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้ 13 เซนติเมตร ทั้งยัง
ปรับเอนได้ด้วย
มาตรวัดวงกลมขนาดใหญ่ หน้าจอกลมยังอยู่ พร้อมตกแต่งด้วยไฟ LED รอบวง และ ติดตั้งหน้าจอ
ระบบสัมผัส ขนาดสามารถใหญ่สุดถึง 8.8 นิ้ว มาพร้อมกับ MINI Navigation System Professional
และ MINI Country Counter ซึ่งทำหน้าที่บันทึกประวัติการพา MINI SUV คันนี้ไปลุยบุกป่าฝ่าดง
ไม่ว่าจะเป็นทางลูกรังหรือขึ้น-ลงเนิน นอกจากนี้ยังมีเบรกมือไฟฟ้ามาให้เป็นมาตรฐาน พร้อมกับ
มีเบาะปรับไฟฟ้าพร้อมตั้งระบบบันทึกตำแหน่ง memory seat เพิ่ม
ลูกเล่นที่มีให้ติดตั้งเพิ่มมีหลายอย่าง ประกอบไปด้วย ประตูท้ายไฟฟ้า, เปิดประตูท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ,
และ Picnic Bench Cushion ซึ่งเป็นเก้าอี้ยาวสำหรับ 2 คน สามารถพับเก็บไว้ในห้องสัมภาระ นอกจากนี้
ยังมีระบบสั่งถอยจอดด้วยรีโมท, กล้องมองหลัง, Head Up Display และ MINI Find Mate ที่เชื่อมต่อ
สัญญาณ Bluetooth เข้ากับป้ายห้อยชื่อขนาดเล็กที่สามารถนำไปติดไว้กับกระเป๋าหรือพวงกุญแจที่หาย
ได้ง่าย ซึ่งป้ายห้อยตัวนี้สามารถเชื่อมต่อผ่านรถยนต์ หรือ คอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสียงในเวลาที่เราหาของ
ชิ้นนั้นไม่เจอ
ขุมพลังของ 2017 MINI Countryman F60 มีให้เลือก 5 รุ่นด้วยกัน
มีรายละเอียด ดังนี้
– MINI Cooper Countryman
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี. TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด
136 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,250 รอบ/นาที
– MINI Cooper S Countryman
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด
192 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,250 รอบ/นาที
– MINI Cooper D Countryman
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,995 ซีซี. TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด
150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,700 รอบ/นาที
– MINI Cooper SD Countryman
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,995 ซีซี. TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด
190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,700 รอบ/นาที
– MINI Cooper S E Countryman ALL4 (Plug-in Hybrid)
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี. TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด
136 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 88 แรงม้า ทั้งหมดให้กำลังสูงสุด
รวมกัน 224 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร พร้อมระบบชาร์จไฟแบบเสียบปลั๊ก
(Plug-in Hybrid)
ช่วงล่างหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link ระบบส่งกำลังเป็น
All4 All-Wheel Drive System ส่งกำลังลงพื้นผ่านล้อคู่หน้าหรือ 4 ล้อ มาพร้อมกับระบบ Dynamic
Damper Control สามารถติดตั้ง MINI Driving Mode เพิ่มเพื่อปรับลักษณะการขับขี่ได้ 3 ระดับ
ประกอบไปด้วย Mid, Sport และ Green
ระบบความปลอดภัยที่ให้มาเป็นมาตรฐานประกอบไปด้วย Collision Warning และ City Braking
หรือระบบเตือนก่อนการชนพร้อมเบรกอัตโนมัติเมื่อใช้ในเมือง นอกจากนี้ยังมี Adaptive Cruise
Control ทำงานร่วมกับกล้อง และ ระบบตรวจจับคนเดินถนนพร้อมเบรกอัตโนมัติ ส่วนระบบอ่าน
ป้ายจราจรต้องติดตั้งเพิ่มเป็นอุปกรณ์เสริม
2017 MINI Countryman F60 มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน 2016 Los Angeles
Auto Show ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้และมีกำหนดออกจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2017
โดยที่มี Cooper และ Cooper S ก่อนส่วนรุ่น Cooper S E ALL4 ซึ่งเป็นขุมพลัง Plug In Hybrid
จะตามมาภายหลังในเดือนมิถุนายน สำหรับราคายังไม่เป็นที่เปิดเผยในขณะนี้
ที่มา : paultan, motorauthority