หลังจากที่ Ford Australia รวมถึง Ford ประเทศไทย ได้มีการปล่อย Teaser Video กับการมาของ Ford Ranger RAPTOR (เรนเจอร์ แรพเตอร์) ในวันที่ 7 กันยายน 2017 ที่ผ่านมา
จากโมเดลความสำเร็จของรุ่นพี่ F-150 RAPTOR ก็ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับ Ranger T6 เช่นเดึยวกัน รถกระบะขนาด Compact Pick-up ที่พัฒนาสำหรับคนทั้งโลก ออกมาเป็น ” Ford Ranger RAPTOR “
Ford Ranger Raptor จะถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง T6 (แน่นอนครับ ว่า Ranger RAPTOR ไม่ใช่ F-150 RAPTOR อย่างที่หลายคนเข้าใจคลาดเคลื่อนไป) โดย Ranger RAPTOR จะสร้าง Segment ใหม่ เฉพาะของตนเอง ด้วยการเป็นกระบะ Off-Road ที่เหนือกว่ากระบะทั่วไปในตลาด
ความเปลี่ยนแปลงของ Ranger RAPTOR จะไม่ใช่แค่การตกแต่งภายนอก ให้เป็นรุ่นพิเศษเท่านั้น แต่จะเป็นการอัพเกรดทั้งดีไซน์ และ สมรรถนะให้มีความแข็งแกร่งกว่าเดิม โดย ” FORD PERFORMANCE ” หากจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนกับ BMW M Power, Mercedes-AMG, NISMO ของ Nissan และ ล่าสุด GR (Gazoo) ของ Toyota นั่นเอง
เบื้องต้น Ford Ranger RAPTOR จะมาพร้อมความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
- เครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ 2.0 EcoBlue เทอร์โบเดี่ยว – เทอร์โบคู่
- เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ลูกใหม่
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ปรับปรุงใหม่ ที่รองรับการลุยมากกว่าเดิม
- ช่วงล่างถูกปรับปรุงใหม่ รองรับการลุย Off-Road
- ความกว้างช่วงล้อ หน้า – หลัง ถูกขยายระยะเพิ่ม
- ตัวถังเพิ่มมัดกล้าม เพื่อรองรับความกว้างช่วงล้อที่เพิ่มขึ้น
- ด้านหน้าดีไซน์ใหม่ คาดว่าน่าจะอิงงานออกแบบจากรุ่นพี่ F-150 RAPTOR มาบางส่วน
- ด้านท้ายแม้จะคล้ายเดิม แต่จะมีการปรับดีไซน์ไฟท้าย และ ตัวถังด้านข้างของกระบะท้าย ให้มีมัดกล้ามมากขึ้น
Engine เครื่องยนต์
Ford Ranger RAPTOR ” คาดว่า ” น่าจะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ EcoBlue (หรือเรียกกันว่า Panther) โดยจะแบ่งเป็น 2 ระดับความแรง
2.0 EcoBlue 190 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.01 x 90.03 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 พละกำลังสูงสุด คาดว่าพละกำลังน่าจะอยู่ราวๆ 190 แรงม้า
2.0 EcoBlue 215 แรงม้า
ครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.01 x 90.03 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 พละกำลังสูงสุด คาดว่าพละกำลังน่าจะอยู่ราวๆ 215 แรงม้า
โดยทั้ง 2 ระดับความแรง อาจจะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ลูกใหม่
ส่วน Ford Ranger รุ่นปกติ ทั้ง XL, XLS, XLT, FX4, Wildtrak ยังคงใช้เครื่องยนต์เดิม Duratorq TDCi (หรือเรียกกันว่า Puma) โดยมี 2 ความจุ
2.2 Duratorq 125 – 160 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Duratorq TDCi ขนาด 2.2 ลิตร 2,198 ซีซี พร้อมเทอร์โบแปรผัน แบบมีครีบ VG Turbo พร้อมIntercooler 125 – 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิด 320 – 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
3.2 Duratorq 200 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล 5 สูบแถวเรียง 20 วาล์ว Duratorq TDCi ขนาด 3.2 ลิตร 3,198 ซีซี พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบมีครีบ VG Turbo พร้อมIntercooler ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 470 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
เห็นรายละเอียดเบื้องต้นของ Ford Ranger RAPTOR กันคร่าวๆแล้ว หลายท่านคงสงสัยว่า ราคาจะมาในระดับไหน ? คาดว่า Ranger RAPTOR จะวางตำแหน่งทางการตลาดไว้เป็นรุ่นย่อย Top of the line สูงกว่า Wildtrak ดังนั้น ราคาของ Ranger RAPTOR คงไม่น่าจะต่ำกว่า Ranger 3.2 Wildtrak 4×4 ที่ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 1,199,000 บาท อย่างแน่นอน ดังนั้นใครที่สนใจ คงต้องมีงบสูงกว่า 1.2 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
Ford Ranger RAPTOR เตรียมเผยโฉม และ รายละเอียดอย่างเป็นทางการ ช่วงปี 2018 โดยจะเปิดตัวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นที่แรกในโลก สำหรับชาวไทย เชื่อว่าจับตารอได้เลย มีแผนจะขายในประเทศไทยแน่นอน ภายในปี 2018 สำหรับกระบะพันธุ์ดุคันนี้ เพราะ Ford ประเทศไทย มีการปล่อย Teaser ออกมาที่หน้าเว็บไซต์ Ford.co.th เช่นเดียวกัน
เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/61482.0