[สำหรับท่านที่ต้องการโหลดรูปภาพ ขอเชิญลิงค์ที่ท้ายบทความได้เลยครับ เพราะในบทความจะมีแค่บางรูปเท่านั้น]


ในปี 2018 เราประสบความสำเร็จกับการจัดกิจกรรมระหว่าง Suzuki และผู้อ่านเว็บไซต์ Headlightmag.com โดยเปิดโอกาสให้ลองขับ Suzuki Swift เจนเนอเรชั่นใหม่ โครงสร้างพื้นฐาน HEARTECT platform ทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่งในงานนี้นอกจากจะเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการลองรถให้กับผู้อ่านแล้ว ทาง Suzuki ก็ยังได้รับทราบความเห็นที่คนอ่านมีต่อรถ ตลอดจนมีโอกาสพูดคุยกับผู้อ่านแบบใกล้ชิด เป็นการสร้างแบรนด์โดยให้ผู้อ่านของเราได้ลองรถจริง และพบกับผู้บริหารตัวจริง พูดคุยกันตัวต่อตัว

สิ่งนี้ หากมองในมุมของบริษัทรถยนต์ จึงเปรียบเสมือนการวิจัยแบบ Close Group แต่จะทำให้มันเป็นทางการก็กระไรอยู่ จึงหยอดเสริมการ “ขับก่อนค่อยพูด” เข้าไปให้มีความสนุก ทั้งผู้อ่านและ Suzuki ได้สิ่งที่ดีกลับบ้านโดยมี Headlightmag เป็นตัวกลางช่วยอำนวยให้เกิดงานลักษณะนี้ขึ้น และพวกเราทีมงานเว็บฯ ก็ได้ประโยชน์จากการฟังความคิดเห็นของผู้มาร่วมงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าบางครั้ง การได้ฟังความเห็นจากคนทั่วไปที่ไม่ได้บ้ารถ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ มันกลับให้มุมมองใหม่ต่อการวิเคราะห์ของเราในอนาคตด้วย

ดังนั้นเมื่อ Suzuki เปิดตัว Ertiga ใหม่ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2019 จึงได้มีการสานต่อ ว่าพวกเราพอที่จะจัดงานในลักษณะนี้ขึ้นได้อีกหรือไม่ พี่วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาดของทาง Suzuki ใช้เวลาไม่นานในการคิด และประชุมหาวิธีการกับทีมงานของพี่กรพิทักษ์ (Win Win Win เจ้าเก่า) และทางเรา

จนได้มาซึ่งกิจกรรม ERTIGA & The GANGS”

ก็ต้องขอบพระคุณพี่วัลลภ มา ณ ที่นี้ และรวมถึงท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ คุณมิโนรุ อามาโนะ ที่เพิ่งรับตำแหน่งไปเมื่อต้นปี ท่านก็ให้ความกรุณาสละเวลามาร่วมกิจกรรมในรอบวันที่ 27 เมษายนและร่วมเดินทางไปกับเราด้วย

กลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรม

ผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างจากเมื่อครั้งจัดงาน Swift Standout พอสมควร เพราะคนที่เลือกหารถ 7 ที่นั่งขนาดเล็กเพื่อการใช้งาน มักไม่ใช่วัยรุ่นหรือคนโสด แต่เป็นคนที่แต่งงานแล้ว หรือเป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นเราจึงเลือกเฉพาะคนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป (เคยมีเสียงโอดครวญว่าตอนจัดงาน Swift รับแต่วัยรุ่นหน้าเอ๊าะ งานนี้เราเลยขยับ Step ให้แก่ขึ้นอีกระดับ) แต่เมื่อเราทำการคำนวณอายุจากการเฉลี่ยค่าความแก่ของผู้สมัครทั้งหมด พบว่าในขณะที่งาน Swift Standout อายุเฉลี่ยผู้เข้าร่วมจะอยู่ที่ 24-25 ปี งาน Ertiga นี้ อายุเฉลี่ยของกลุ่มเพิ่มเป็น 37 ปี

ความยากของงานนี้อยู่ที่การจัดสรรปันคนให้ลงตัวกับรถ ซึ่งทาง Suzuki ได้มอบ Ertiga 6 คัน, Swift 3 คัน และ Ciaz 3 คัน มาให้ใช้ ไม่สามารถจัดเป็น Ertiga ทั้ง 12 คันได้เนื่องจากรถของบริษัทก็ถูกจองใช้สำหรับภารกิจอื่นด้วย

ทีนี้ ผู้เข้าร่วมงาน บางท่านมาเดี่ยวหนีเมียเที่ยว บางท่านมากับภรรยา และมีไม่น้อยเลยที่มากันทั้งครอบครัว เมีย 2 ลูก 1 คุณยายคุณตา ซึ่งพี่วัลลภบอกว่า “แบบนี้ดี แบบนี้เอา จะได้เหมือนเวลาเขาใช้งานจริงๆ” แต่เนื่องจากเราให้ขับ Ertiga 1 ขา และอีกขาให้ขับ Swift หรือ Ciaz ตรงนี้ล่ะที่ยากหน่อย จะจัดยังไงให้ลงตัว ถ้าครอบครัวนึงมา 4 คน รวม Instructor ประจำรถอีกหนึ่ง จะจับไปยัด Swift ก็คงทรมานโดยเฉพาะคนนั่งหลัง หน้าที่การจัดคนจึงเป็นของคุณ Moo Cnoe

ถ้าท่านผู้ใดได้รับโทรศัพท์คอนเฟิร์มก่อนวันงาน ก็นั่นล่ะครับคุณ Moo Cnoe

อ้อ สำหรับท่านที่ลงสมัคร แล้วพอเราโทรคอนเฟิร์มก็ยืนยันว่าไป แต่พอถึงวันจริง หายหัว ไม่พูดไม่จา เราจะไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ

แต่ข้า Pan Paitoonpong จะจำชื่อเอ็งไว้

ลักษณะของการขับและกิจกรรมต่างๆ

เนื่องจากพี่วัลลภกำหนดภาพรวมของงานนี้ไว้ว่า อยากให้สบายๆ สนุก ถ้าเขาพูดมาแบบนี้แล้วเราดันเอา Ertiga ไปจัดแข่งจิมคาน่าที่สุวรรณภูมิ ก็คงไม่ใช่เรื่อง รูปแบบของการขับ จึงเปลี่ยนจาก 4 รอบ 2 วัน วิ่งในสนาม Closed Track เป็น 2 รอบ 2 วัน วิ่งบนถนนจริงแบบ 1 Day Trip โดยแบ่งผู้เข้าร่วมออกเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่ม 1-6 ขับ Ertiga ในขาไป ส่วน 7-9 ขับ Swift และ 10-12 ขับ Ciaz ขาไป กลุ่มที่ขับรถ 1.2 ลิตรนี่ เรามีการแข่งประหยัดน้ำมันด้วยนะครับ คนชนะได้รางวัลกลับบ้าน แต่ถ้าผู้อ่านในรถตกลงกันได้ว่าไม่อยากเครียดเรื่องน้ำมัน แต่อยากขับแบบปกติ เราก็ให้ ก็ถ้ามันไม่สนุก จะไปทำมันทำไม ..ส่วนขากลับนั้นกลุ่ม 7-12 ย้ายมาขับ Ertiga

  • เริ่มออกรถจากโพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ก เส้นเลียบด่วน (ตอนแรกผมอ่านเป็น LASER PARK ไม่ใช่ Leisure ก็เลยงง นี่เอ็งจะให้คนอ่านข้า คุณปู่คุณป้ามายิงปืนแสงแข่งกันเหรอ)
  • ทีมรถ 1.2 ลิตร จะออกก่อน Ertiga 15 นาที ระหว่างนั้นทีม Ertiga อยาก Live อยากถ่ายภาพอะไร เชิญครับ
  • ขึ้นทางด่วน มุ่งหน้าไปตามเส้นทางบางนา บูรพาวิถี แล่นบนบูรพาวิถียาวไปจนลงที่ชลบุรี
  • เลี้ยวซ้ายตามเส้นทางเลี่ยงเมืองชลบุรี
  • แวะสับเปลี่ยนคนขับที่ปั๊ม ESSO
  • วิ่งเข้ามอเตอร์เวย์ และขับต่อไปจนบรรจบถนนสุขุมวิท
  • เลี้ยวซ้ายไปทางจอมเทียน กลับรถที่หน้าตลาดน้ำสี่ภาค แล้ววิ่งย้อนกลับมาที่ Tiger Park Pattaya

เราพักรับประทานอาหารกันที่ Tiger Park ซึ่งขอสารภาพว่าทีมงาน Headlightmag ทุกตัว (รวมถึงผม) นึกว่าพี่กรณ์พิทักษ์จะให้ขับไปสวนเสือที่ศรีราชา แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เขาให้มาลองที่นี่ ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ มีห้องแอร์เย็นๆขนาดใหญ่ให้รอ แต่ถ้าใครไม่กลัวเสือ ทีม Win Win Win ผู้จัด เขาก็พาเข้าไปเยี่ยมชมเสือฟรี โดยมีให้เลือกว่าจะเข้ากรงเสือไซส์เล็ก กลาง หรือใหญ่

บอกตรงๆว่ากลัวเหมือนกันว่าชีวิตข้าพเจ้า รอดจากถนนแล้วจะมาเป็นอาหารเสือหรือเปล่า เสือทุกตัวที่นี่ดูเชื่อง แต่ก็ไม่อยากจะไว้ใจ 100% นักเพราะเขี้ยวและเล็บก็ยังอยู่ จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลใกล้ชิดตลอดและมีกฎข้อบังคับที่จำไม่หมด เช่นห้ามกรี๊ด ห้ามวิ่ง ห้ามลูบเสือแบบสยิวกิ้ว จะจับก็ต้องจับแบบมั่นๆแรงๆ ไม่งั้นเสือสยิวแล้วมันจะหันมาลูบเราด้วยกรงเล็บของมัน ชีวิตนี้ ถ้าใครไม่เคยจ้องตาเสือ ก็ลองไปที่นี่ดู คุณจะเข้าใจว่าทำไมนวนิยายต่างๆเขาเปรียบเทียบคนเก่งกล้าว่ามีนัยน์ตาของเสือ

ส่วนขากลับ เราจะเปลี่ยนเส้นทางกันเล็กน้อย

  • เริ่มต้นจาก Tiger Park วิ่งไปตามถนนสุขุมวิท และเข้ามอเตอร์เวย์
  • สลับคนขับที่จุดแวะพักกลางทาง OASIS (ที่มีร้านอาหารเยอะๆ และมีรถติดคิวล้นตูดออกมาวันอาทิตย์ประจำ)
  • วิ่งตามมอเตอร์เวย์ ขึ้นทางด่วนที่พระราม 9 แล้ววกซ้ายเข้าเส้นทางด่วนไปรามอินทรา
  • ลงทางด่วนที่เส้นเกษตร-นวมินทร์ และกลับรถไปโพธาลัย เลเซอร์ เอ้ย เลเชอร์ ปาร์ก

สิ่งที่เราคาดหวังจากการขับแบบนี้คือ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เจอการใช้งานครบรูปแบบ คุณเจอรถติดที่เลียบด่วน คุณได้วิ่งฝ่ากระแสลมบนบูรพาวิถี ลองจัมพ์เนินสะพานต่างๆที่มีตามมอเตอร์เวย์ โดยมีโอกาสเทียบความต่างกันระหว่างรถเก๋งทรงเตี้ยเช่น Ciaz หรือ Swift ที่ใช้เกียร์ CVT และรถทรงสูงอย่าง Ertiga ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ดังนั้นผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้ปรับตัว และตำแหน่งการขับที่แตกต่าง ซึ่งมีประโยชน์สำหรับบางคนที่ชีวิตนี้ไม่เคยขับรถ MPV เล็กๆมาก่อน

นอกจากนี้แล้ว เมื่อจัดกิจกรรมเสร็จ เราก็มีรางวัลให้สำหรับท่านที่โพสท์ข้อความ/รูป/Live และได้รับคะแนน Like/Share สูงสุด เป็นรางวัลเล็กๆน้อยๆ รวมถึงท่านที่สามารถสร้างตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองได้ต่ำที่สุดเช่นกัน

การจัดแบบนี้ แน่นอนว่ารับคนได้น้อยมาก การรับรู้ในเชิงการตลาดมูลค่าสื่อน้อยกว่าสมัยจัดงาน Swift เสียอีก เพราะคนอายุมาก มักไม่เล่น Social Media มากเท่าวัยรุ่น แต่เรื่องนี้ Suzuki ทราบและบอกว่าถึงคนจะน้อย แต่ก็ทำคนจำนวนน้อยให้เขาเอ็นจอยกับเราก็พอ อย่าไปตีค่าทุกอย่างเป็นสถิติเพราะการรับรู้ผลิตภัณฑ์ มันมีทั้งความกว้าง (จำนวนคนที่รู้) และความลึก (ระดับความสัมพันธ์ที่คนคนนึงมีต่อผลิตภัณฑ์)

งานนี้เราไม่เน้นกว้าง แต่เน้นลึก

***FEEDBACK จากผู้เข้าร่วมกิจกรรม***

แน่นอนว่าหลังจากขับ เราก็มีการเก็บข้อมูลว่าแต่ละท่านรู้สึกอย่างไรกับตัวรถ โดยผมจะยกมาเรียงเป็นหมวดหมู่ข้อดีและข้อเสีย

ขอให้ทราบไว้ก่อนว่ามุมมองของผู้ใช้รถทั่วไป เขาอาจจะไม่ได้ทราบเรื่องต้นทุน ความยาก/ง่ายในการประกอบหรือติดตั้ง หรือพวกเรื่องการตั้งราคา ดังนั้น อะไรที่มันเป็นไปได้ในโลกแห่งความจริง หรือเป็นไปได้ยาก เราค่อยไปว่ากันทีหลังนะครับ อีกประการหนึ่งคือ คุณอาจจะเจอข้อดีและข้อเสียที่ย้อนแย้งกัน เกิดขึ้นได้เช่นกรณีอัตราเร่ง บางท่านบอกดี บางท่านบอกว่าอืด เราก็ใส่ข้อมูลลงไปทั้งอย่างนั้นเพื่อให้ทราบว่าผู้อ่านของเรามีใครคิดอย่างไรบ้าง

SUZUKI ERTIGA GX

สิ่งที่รู้สึกดีกับตัวรถ

  1. ดีไซน์ภายนอก ดูดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม หรูขึ้นและยังมีความโฉบเฉี่ยวอยู่
  2. พื้นที่ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง ขึ้นลงจากรถง่าย และนั่งได้ 7 คนจริงจัง เบาะแถวที่สามสบายกว่าที่คาด
  3. แอร์เย็นทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร คนนั่งแถวหลังก็เย็น
  4. อัตราเร่งดีกว่าที่คาดโดยเฉพาะช่วงออกตัว แม้จะบรรทุกผู้โดยสาร 1 ครอบครัว + Instructor
  5. ชอบเกียร์แบบอัตโนมัติปกติ มากกว่า CVT
  6. คอนโซลหน้าและพวงมาลัยออกแบบมาสวยงามดี
  7. ช่วงล่างดีกว่าที่คาด นุ่มนวล และมั่นใจเวลาขับ ทั้งที่ตอนแรกคิดว่ารถแบบนี้น่าจะส่าย ร่อน ไม่เกาะถนน
  8. มีความคล่องตัวเวลาขับในที่การจราจรหนาแน่น
  9. ราคาเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้แล้วรู้สึกคุ้มค่า

สิ่งที่รู้สึกว่ายังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้

  1. วัสดุในห้องโดยสาร ดูไม่หรูเท่าที่ควร สัมผัสไม่ดีเท่าที่ควร
  2. ระบบเครื่องเสียงตอบสนองต่อการกดใช้งานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  3. เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับความสูง/ต่ำไม่ได้
  4. ตำแหน่งการขับขี่และพวงมาลัยที่แหงนมากทำให้รู้สึกเมื่อยล้าเวลาขับ
  5. เบาะแถวสอง นั่งแล้วปวดหลัง ที่ปรับเบาะก็ดูบอบบางเกิน กลัวทำหัก
  6. เบาะแถวสาม สะเทือนไปนิดเวลานั่งวิ่งทางไกล
  7. เสียงเครื่องยนต์ดัง และเวลากดคันเร่งแล้วเกียร์จะคิกดาวน์ทันทีแม้จะกดไม่ลึก
  8. ช่วงล่างสะเทือนไป/ช่วงล่างยวบยาบเกินไป (มีคนวิจารณ์ทั้งใน 2 แนวทาง)
  9. ที่บังแดดมีขนาดเล็กไปและไม่มีกระจกส่องหน้า
  10. ปุ่มไฟฉุกเฉินอยู่ไกลจากคนขับ

ในภาพรวม ผู้ทดสอบมีความพอใจในประสิทธิภาพและราคา แต่ยังเสนอให้มีการเพิ่มอุปกรณ์ หรือเพิ่มรุ่นย่อยที่แพงขึ้นกว่าเดิมได้ แต่ควรมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

  • เบาะหนัง
  • กล้องมองถอยหลัง หรือกล้องรอบคัน 360 องศา
  • ระบบ Cruise Control
  • เครื่องเสียงแบบที่เป็นหน้าจอทัชสกรีนแบบเต็มจอจริง
  • จอทีวีติดหลังคาแบบพับได้สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ระบบไล่ฝ้าที่กระจกหลัง
  • ระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อออกวิ่ง
  • เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ
  • พนักเท้าแขนตรงกลางระหว่างเบาะคู่หน้า/หรือของคนขับ
  • ช่องเสียบ USB เพิ่มเติมสำหรับเบาะแถว 2 และ 3
  • มือจับราวหลังคาสำหรับเบาะแถวที่ 3
  • ถ้าเปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ หรือ 6 จังหวะได้จะดีมาก

SUZUKI SWIFT GLX Navi

สิ่งที่รู้สึกดีกับตัวรถ

  1. การออกแบบภายนอก และภายในทำได้ดี ทันสมัย เหมาะสำหรับวัยรุ่น
  2. ภายในกว้างขวาง ตำแหน่งการขับดี ขับไกลๆแล้วไม่เมื่อยล้า
  3. อัตราเร่งดีมากสำหรับรถเครื่องยนต์ขนาดแค่นี้
  4. ระบบส่งกำลัง ทำงานได้ดี (ดีกว่ารุ่นเดิม)
  5. ช่วงล่างมั่นใจได้ทั้งในการทิ้งโค้ง หรือการขับที่ความเร็วสูง
  6. ประหยัดน้ำมันมาก (24-25 กิโลเมตรต่อลิตร โดยขับที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
  7. พวงมาลัยตอบสนองได้ดี มีน้ำหนักหน่วงกำลังดี
  8. ชุดเครื่องเสียง ดูสวยงาม และให้เสียงที่ดี
  9. แอร์เย็นเร็วแม้จะจอดตากแดดมานาน

สิ่งที่รู้สึกว่ายังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้

  1. เบาะหลังคับแคบ และยิ่งนั่งไม่สบายเมื่อต้องนั่ง 3 คน (โดย 1 ในนั้นเป็นเด็ก)
  2. วัสดุภายในบางจุดยังดูราคาถูก เช่นแผงประตู
  3. เครื่องแค่ 1,200 ซี.ซี. ยังแรงไม่พอสำหรับเดินทางต่างจังหวัด
  4. เสียงการทำงานของช่วงล่างดังไป
  5. ระบบเครื่องเสียง ใช้ยาก เข้าใจยาก กดไปบางทีก็ตอบสนองช้า
  6. ที่วางแก้วเล็ก ไม่สามารถใส่แก้ว Yeti ขนาด 30 ออนซ์ได้ (ทีมงานปรบมือให้เจ้าของคอมเมนท์นี้-ละเอียดมาก!)
  7. ที่วางของกระจุกกระจิกมีน้อยเกินไป

นอกเหนือจากที่กล่าวไป ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ได้ทดลองขับ Swift เสนอแนะให้หาวิธีกันเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารเพิ่มเติม โดยเฉพาะด้านหลังของรถ เพิ่มกล้องถอยหลัง และหลายท่านบอกว่าถ้าได้รุ่นเกียร์ธรรมดาจะดีมาก

SUZUKI CIAZ RS

สิ่งที่รู้สึกดีกับตัวรถ

  1. ชอบรูปทรงภายนอกมาก ดูสวยและหรูหราเหมือนเป็นรถจากระดับราคาสูงกว่า (เดาว่าคงหมายถึงรถระดับ Altis หรือ Civic ไม่น่าใช่ตราดาวหรือใบพัด)
  2. การออกแบบภายใน ดูดี วัสดุต่างๆดูดี ไม่เคยรู้ว่า Ciaz เป็นแบบนี้
  3. ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย เบาะหลัง สบายกว่ารถระดับเดียวกัน
  4. เครื่องยนต์ มีแรงบิดดี อัตราเร่งดี
  5. ช่วงล่าง เกาะถนน แต่นุ่มสบายแม้นั่ง 5 คน พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี ขับทางไกลสบายมือ
  6. ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครันเหมาะสม
  7. เครื่องเสียงดูดี น่าใช้
  8. แอร์เย็นเร็วแม้รถทดสอบจะไม่มีฟิล์มกรองแสง
  9. ประหยัดน้ำมัน วิ่งไปกลับ 300 กิโลเมตร เข็มลงน้อยมาก ขับ 90 บ้าง 120 บ้างยังได้ 17-18 กิโลเมตรต่อลิตรบนหน้าปัด (ขอหมายเหตุนิดครับว่า ตัวเลขไม่สวยเท่า Swift เพราะ Ciaz ของเราจะบรรทุกคนเยอะกว่า เมื่อรู้สึกว่าแข่งไปก็เสียเปรียบ หลายท่านจึงเลือกที่จะขับแบบตามใจเขา)

สิ่งที่รู้สึกว่ายังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้

  1. รถมีขนาดเล็กเกินไป (ผมเดาว่าผู้อ่านน่าจะเทียบคันนี้กับ Ertiga)
  2. ที่รองคอของเบาะหลังปรับสูงต่ำไม่ได้ นั่งไม่สบาย
  3. เวลานั่ง 3 คน เบาะหลังคับแคบไป พื้นที่เหนือศีรษะน้อยไป ถ้าเป็นคนที่ต้องนั่งกลาง ก็ไม่สบายเลย
  4. อัตราเร่งอืด ต้องใช้จังหวะและทักษะช่วย โดยเฉพาะเมื่อนั่งเต็มคัน
  5. ระยะฟรีของพวงมาลัยน้อยไป ทำให้ต้องคัดซ้าย/ขวาตลอดเวลาที่ขับทางไกล
  6. พวงมาลัยหนักเกินไป/พวงมาลัยเบาเกินไป (มีวิจารณ์ทั้งสองแง่)
  7. ช่องแอร์หลังเป่าโดนแต่ขากับเข่า
  8. ไม่มีที่วางแก้วกาแฟสำหรับเบาะหลัง
  9. ช่วงล่างโคลงเคลง

นอกจากที่ได้กล่าวไป ยังมีผู้อ่านบางท่านแนะนำให้เพิ่มที่พักเท้าซ้ายสำหรับคนขับ หาทางปรับให้อัตราเร่งและการตอบสนองดีขึ้นกว่านี้ และอยากให้นำระบบเครื่องเสียงแบบมี Apple CarPlay ใน Ciaz RS ไปใส่ใน Suzuki รุ่นอื่นๆด้วย

ในท้ายที่สุด กิจกรรมของเราก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และยังได้ความแปลกใหม่จากการขับแบบทริปทางไกล ซึ่งโดยปกติมักจะไม่มีบริษัทรถในระดับราคาหลักแสนจัดให้ลูกค้าขับไกลและเป็นกลุ่มขนาดใหญ่แบบนี้ ที่สำคัญคือ งานนี้เป็นงานขับ แบบที่คุณวัลลภ เน้นว่า อยากให้สบายและได้ลองรถกันไกลๆ แล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ไม่ได้มีเรื่องการขายเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังจะเห็นได้ว่าเราไม่ได้มีการบรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์ รวมถึงไม่มีเจ้าหน้าที่ขายมาเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าขับแล้วชอบ เดี๋ยวลูกค้าก็ไปเยือนหน้าโชว์รูมเอง

ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในการสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว และที่ขาดไม่ได้เลยคือท่านผู้อ่าน ต้องขอบคุณแม้กระทั่งท่านที่สละเวลากรอกใบสมัครและส่งเอกสารเข้ามาแต่ไม่ได้รับคัดเลือก ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ เพราะจำนวนรถ 12 คัน รับคนได้มากสุดก็ไม่เกิน 60 คนอย่างแออัด ต่อรอบ/ต่อวัน แต่เมื่อนับชื่อผู้ที่สมัครเข้ามารวมถึงผู้ที่ลงชื่อเป็นผู้ติดตามแล้ว เราได้มากกว่า 530 ชื่อ

แต่อย่าเพิ่งท้อนะครับ เพราะเรายังเดินหน้าจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อีกเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังมีบริษัทรถยนต์ที่อยากร่วมงานกับเรา โดยเข้าใจกันแต่แรกว่า งานนี้ไม่ได้ช่วยสร้างยอดขายให้รถ และกลุ่มคนที่ได้มาร่วม ก็ไม่ได้มากมายจนสามารถสร้างกระแสภักดีเคารพอันสูงส่งให้กับแบรนด์ พูดง่ายๆว่าถ้ามองในเม็ดเงินตามจริง อย่างไรก็ขาดทุนครับ แต่บางครั้งผลขาดทุน/กำไร ก็ไม่ได้มีผลต่อภาพจำที่คนอ่านมีต่อรถ มันคือการมอบประสบการณ์ที่บอกต่อกันได้ และพิเศษกว่าก็คือ คนอ่านของเราได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วมาบอก ไม่ใช่จำคำคนอื่น หรือจำคำรีวิวเรามา

ถ้ามีบริษัทไหนยังสนใจอยู่ และมีคนอ่านที่พร้อมจะไปกับเรา มันก็จะไม่หยุดแค่นี้หรอกครับ

—-////—-

***LINK ดาวน์โหลดรูปภาพกิจกรรม***

** รูปทั้งหมด ถ่ายโดยคุณแบงก์ กาญจนวิลัย สงวนสิทธิ์การใช้ โดย Suzuki Motor ประเทศไทย / Headlightmag อนุญาตให้ใช้สำหรับ Social Media อัพโชว์เพื่อน หรือเก็บไว้ส่วนตัว ไม่อนุญาตให้มีการนำไปใช้ในเชิงการค้าขาย พาณิชย์ ธุรกิจอื่นโดยที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นหน่วยงานในสังกัดผู้สงวนสิทธิ์ **