Audi ได้เปิดตัว All NEW Audi A8 ที่งาน Audi Summit บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2017 อันเป็นวันที่ประกาศก้องว่า Audi จะขอต่อกรกับ Mercedes-Benz S-Class, BMW 7-Series และ Lexus LS ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ

All NEW Audi A8 วางตำแหน่งรถยนต์ Flagship Sedan ที่สามารถกำหนดทิศทางแห่งอนาคตเพื่อให้คู่แข่ง พร้อมทั้งเป็นสัญญาณแรกที่จะได้เห็นรถยนต์ Audi รุ่นใหม่มีทิศทางการออกแบบใหม่ล่าสุด

Audi A8 : Volcano Red

เอกลักษณ์ของการออกแบบ Audi A8 โฉมใหม่จะอยู่ตรงที่ใบหน้าดีไซน์ใหม่เน้นมิติความกว้างด้วยกระจังหน้า Singleframe ที่ถูกออกแบบใหม่ที่มีการเคลือบกรอบกระจังหน้าโครเมี่ยมไล่ระดับความหนาจนถึงบางลง , มีการออกแบบเส้นสายตัวถังที่ลดความยุ่งเหยิงด้วยการใช้เส้นนำสายตาจากขอบฝากระโปรงหน้าจรดด้านท้าย, มีการขึ้นลวดลายมัดกล้ามเล็ก ๆ เหนือซุ้มล้อหน้าและล้อหลัง ซึ่งดีไซน์ทั้งหมดนี้เกิดจากการศึกษาผลตอบรับในรถต้นแบบ Audi Prologue Concept

มิติตัวถัง Audi A8
ยาว x กว้าง x สูง : 5,172 x 1,945 x 1,473 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 2,998 มิลลิเมตร

มิติตัวถัง Audi A8 L
ยาว x กว้าง x สูง : 5,302 x 1,945 x 1,485 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 3,128 มิลลิเมตร



Audi A8 Interior ภายในห้องโดยสาร

จุดขายของแบรนด์รถยนต์ Audi ก็คือ รูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ต, โครงสร้างน้ำหนักเบาและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ดังนั้นการออกแบบสัดส่วนตัวรถจะเน้นความสมดุล, มีมัดกล้ามเหนือซุ้มโป่งล้อเพื่อสะท้อนความเป็นรถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์ด้านการขับเคลื่อนสี่ล้อ

ไฟหน้าประกอบไปด้วย HD Matrix LED พร้อมด้วยเทคโนโลยีลำแสงเลเซอร์, แถบคาดด้านท้ายติดตั้งไฟ OLED ที่ช่วยสร้างมุมมองไฟท้ายแลดูคล้ายอนิเมชั่น

โครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา Audi Space Frame ที่ประกอบไปด้วยวัสดุตัวถัง 4 แบบรวมเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ อลูมิเนียม, โลหะ, แม็กนีเซียมและคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ช่วยเพิ่มความเฉียบคมในการขับขี่และลดเสียงรบกวนดียิ่งกว่าเดิม โดย Audi ได้ลงทุนใช้เทคนิคการเชื่อมตัวถังต่างวัสดุมากถึง 14 เทคนิค

จุดขายที่สำคัญประการต่อมาคือดีไซน์ภายในห้องโดยสารแบบเลาจ์สุดหรู ที่มีการจัดวางอุปกรณ์และวัสดุให้ดูมีค่าและมีพื้นที่กว้างขวาง โดย Audi เคลมว่าพวกเขาใส่ใจทุกรายละเอียดภายในห้องโดยสารตั้งแต่รูระบายอากาศบนเบาะนั่งจนถึงการออกแบบแผงช่องแอร์ที่เปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า

Audi A8 L : Terra Grey

ดีไซน์แผงแดชบอร์ดของ All NEW Audi A8 จะเน้นดีไซน์ที่ร่มรื่นสะอาดตาแต่แผงไปด้วยต้นแบบแห่งความไฮเทค ได้แก่ แผงมาตรวัดหน้าจอสี TFT ในชื่อ Audi Virtual Cockpit, หน้าจอสัมผัสตรงกลางขนาดใหญ่และหน้าจอสัมผัสสำหรับสั่งการฟังก์ชันภายในรถ

หน้าจอสัมผัสที่ติดตั้งตรงกลางแดชบอร์ดจะมีสองหน้าจอ คือหน้าจอบน หน้าจอ Infotainment ทั่วไปและหน้าจอล่างสำหรับการสั่งการควบคุมเครื่องปรับอากาศ, ฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบายและยังรองรับการเขียนข้อความได้อีกด้วย รองรับการสั่งการด้วยการวาดนิ้วมือและการออกคำสั่งด้วยเสียง

พิเศษสำหรับ Audi A8 L จะติดตั้งที่พักเท้าที่สามารถให้ความอบอุ่นและนวดอัตโนมัติสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ผู้โดยสารตอนหลังสามารถปรับการตั้งค่าไฟภายในห้องโดยสารได้, ไฟส่องสว่างสำหรับอ่านหนังสือจะเป็นแบบ HD Matrix

อากาศภายในห้องโดยสารสะอาดและบริสุทธ์ด้วยฟอกอากาศ ที่ปล่อยไอออนเข้าไปปะทะอนุภาคของฝุ่นหรืออนุภาคขนาดเล็กที่คล้ายคลึงกัน จนอนุภาคเหล่านั้นตกลงมาพื้นรถ ลดความเสี่ยงในการสูดดมฝุ่นหรือควันพิษเหล่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถปล่อยน้ำหอมได้ถึง 2 กลิ่นที่ให้บรรยากาศลมทะเลหรืออากาศบนภูเขา ปรับระดับความหอมได้ถึง 4 ระดับ

ระบบช่วยเหลือขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Audi AI รองรับการขับขี่อัตโนมัติภายใต้การจราจรที่ติดขัด รองรับการทำงานอัตโนมัติภายใต้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถทำงานได้ภายใต้บนทางด่วนหรือถนนปกติทั่วไป ผู้ขับขี่ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป เพราะระบบจะทำงานให้อัตโนมัติทั้งการออกจากจุดสตาร์ท, การเร่ง, การเบรกและการบังคับพวงมาลัย โดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องคอยจับพวงมาลัยตลอดเวลา

ระบบช่วยเข้าโรงจอดรถอัตโนมัติ ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องนั่งภายในรถอีกต่อไป เพียงแค่ให้ Audi AI คอยทำให้อัตโนมัติ สามารถสั่งการผ่านแอพพลิเคชั่น myAudi

นวัตกรรมช่วงล่างใหม่ล่าสุด Audi AI Active Suspension ช่วงล่างที่สามารถปรับตัวได้ทุกสภาวะสมบูรณ์แบบเพื่อความมั่นคงขณะขับขี่ ช่วงล่างในแต่ละล้อสามารถยกตัวหรือหดตัวได้อย่างอิสระโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสบายขณะขับขี่ไปจนถึงการขับขี่แบบสปอร์ตได้ด้วยแบบไร้ข้อแม้

เมื่อมีการตรวจสอบว่ากำลังจะมีรถวิ่งเข้ามาปะทะด้านข้าง Audi A8 โฉมใหม่ ระบบช่วงล่างนี้สามารถยกตัวขึ้นได้ในฝั่งที่กำลังจะถูกชนเพิ่มปกป้องโดยสารให้ปลอดภัยจากแรงปะทะในครั้งนี้

Audi A8 มาพร้อมกับโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ ASF : Alumimium Space Frame เป็นการรวมเอาวัสดุถึง 4 ชนิดเข้าไว้ด้วยกัน multi-material construction เพื่อให้โครงสร้างมีน้ำหนักเบา รองรับการให้ตัวได้สูง และ มีความแข็งแรงมากขึ้น ได้แก่

  • อลูมิเนียม Aluminum
  • เหล็ก Steel
  • แม็กนีเซียม Magnesium
  • คาร์บอนไฟเบอร์ Carbon fiber-reinforced polymer (CFRP)


Audi ยังจัดเต็มด้วยระบบ Mild Hybrid มาให้กับทุกรุ่นเครื่องยนต์ (ยกเว้น e-tron ที่เป็น Plug-in Hybrid) ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (BAS) 48V ช่วยให้ประหยัดน้ำมันดียิ่งขึ้นไปอีก 0.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ได้แก่
เครื่องยนต์ดีเซล

  • A8 3.0 TDI
    เครื่องยนต์ดีเซล V6 ระบบยกวาล์ว AVS ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 286 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตรที่ 1,250 – 3,250 รอบต่อนาที
  • A8 4.0 TDI
    เครื่องยนต์ดีเซล V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่และระบบยกวาล์ว AVS กำลังสูงสุด 435 แรงม้า (HP) พร้อมระบบกำจัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC)

เครื่องยนต์เบนซิน

  • A8 3.0 TFSI
    เครื่องยนต์เบนซิน V6 ระบบยกวาล์ว AVS ขนาด 3.0 ลิตร (HP) เทอร์โบ กำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,370 – 4,500 รอบต่อนาที
  • A8 4.0 TFSI
    เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่และระบบยกวาล์ว AVS ขนาด 4.0 ลิตร กำลังสูงสุด 460 แรงม้า (HP) พร้อมระบบกำจัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC)
  • A8 W12 6.0
    นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์ Top of the line อย่าง W12 6.0 ตามมาภายหลังอีกด้วย เครื่องยนต์เบนซิน แบบ W12 สูบ ขนาด 6.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 585 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่รองระหว่าง 1,300 – 5,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบกำจัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC)
  • A8 e-tron Quattro (Plug-in Hybrid)
    จะเป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 TFSI พร้อมระบบกำจัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมพละกำลังกันได้ 449 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน ระยะทางสูงสุดถึง50 กิโลเมตร *ขึ้นอยู่กับการจราจร และ สภาพอากาศ ทำการชาร์จไฟฟ้า ผ่านระบบ Plug-in Hybrid นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จแบบไร้สาย หรือ Wireless Charging อีกด้วย สามารถติดตั้งได้ที่พื้น กำลังสูงถึง 3.6 kW ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เทคโนโลยีอื่นๆที่น่าสนใจของ Audi A8 / A8 L

  • ระบบไฟหน้าแบบ HD Matrix LED
  • เทคโนโลยีส่องสว่างไฟหน้าแบบ Laser Spot
  • ไฟท้ายแบบ Matrix OLED Technology
  • ไฟภายในห้องโดยสารแบบ Matrix LED
  • หน้าจอควบคุมกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10.1 นิ้ว
  • Controller คอนโซลกลางควบคุมแบบระบบสัมผัส
  • ชุดมาตรวัดแบบ Virtual Cockpit
  • เบาะนั่งพร้อมระบบนวด Massage Seat
  • เบาะนั่งแบบปรับให้เป็นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง Footrest
  • ที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมระบบนวด Massage Seat
  • เบาะนั่งควบคุมอุณหภูมิ Ventilate – Heat Seat
  • ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light
  • ระบบ Active Noise Cancellation
  • ระบบเสียง Bang & Olufsen Advanced Sound System
  • ระบบชาร์จไร้สาย Wireless Charging
  • หน้าจอควบคุมสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบ Tablet
  • หน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • หลังคากระจก Panoramic Sunroof
  • ช่วงล่างด้านหน้า-ด้านหลัง แบบ Five-link Suspension
  • ระบบเลี้ยว 4 ล้อ Dynamic all-wheel Steering
  • ระบบช่วงล่าง AI Active Suspension
  • ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Pilot-Driving (AI Staupilot)
  • ระบบกล้องรอบทิศทาง 360 degree camera
  • ระบบเซนเซอร์ เลเซอร์ คลื่น Ultra Sonic และ เรดาร์รอบคัน
  • ระบบ Pre Sense Side ปกป้องการชนจากด้านข้าง ให้ตัวช่วงล่างได้มากถึง 80 มิลลิเมตร

All NEW Audi A8 จะถูกผลิตที่โรงงาน Neckarsulm ประเทศเยอรมนี พร้อมแนะนำสู่ตลาดเยอรมนีในช่วงปลายปี 2017 โดยมีราคาเริ่มต้น 90,600 ยูโร (ราว 3,540,000 บาท ไม่รวมภาษีประเทศไทย) ในรุ่น A8 มาตรฐาน และ เริ่มต้นที่ 94,100 ยูโรในรุ่น A8 L (ราว 3,680,000 บาท ไม่รวมภาษีประเทศไทย)

ที่มา : Motor1