นับตั้งแต่ Mazda Motor Corporation ได้เผยโฉมแนวทางการออกแบบ KODO Design รวมทั้งเทคโนโลยี SKYACTIV สู่สายตาชาวโลก มาตั้งแต่ปี 2010 พวกเขาก็ได้รับสารพัดรางวัลและการยกย่อง จากสถาบันต่างๆทั่วโลก ในด้านการออกแบบรถยนต์ แน่นอนว่า พวกเขามิได้เพียงแค่พลิกโฉมแบรนด์ Mazda ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายเล็กๆ จาก Hiroshima ที่เติบโตจากเถ้าถ่านหลังระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2 สู่การขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลเท่านั้น แต่พวกเขายังถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ลงไปในรถยนต์ของพวกเขา จนเริ่มถูกใจผู้คนทั่วไป และทำยอดขายได้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นผลิตไม่ทันในบางช่วง
เฉพาะแค่ใน ASEAN อย่างเดียว ตัวเลขยอดขายทั้งภูมิภาคเพิ่มขึ้นจาก 78,000 คัน ในปี 2013 พุ่งสู่ระดับ 105,000 คัน ในปี 2016 โดยเมืองไทย ทำยอดขายเฉลี่ยปีละประมาณ 43,000 คัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก เมื่อเทียบกับอดีตหลายสิบปีก่อน
อย่างไรก็ตาม คำถามก็คือ แม้วันนี้จะประสบความสำเร็จ แต่วันข้างหน้าละ? Mazda จะยืนหยัดอยู่ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงอันเฉี่ยวกรากของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างไร?
งาน Tokyo Motor Show 2017 นี้ จริงอยู้ว่า Mazda ได้เผยคำตอบ ผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์ SKYACTIV-X ซึ่งสามารถแปรผันการจุดระเบิดได้ตามภาระที่เครื่องยนต์กำลังแบกรับ Spark Controlled Compression Ignition (SPCCI) Mazda เป็นผู้ผลิตรายแรก และรายเดียวที่สามารถนำเทคโนโลยี ผลิตออกจำหน่ายได้จริง
กระนั้น เปลือกนอกที่หุ้มห่อตัวรถ และเทคโนโลยีเหล่านั้น ก็ต้องถูกยกระดับความสวยงาม ตามขึ้นไปให้หนีห่างจากคู่แข่งยิ่งกว่าเดิม และนี่คือที่มาของการนำเสนอ แนวทางการออกแบบ KODO 2nd Generation ผ่านเรือนร่างของรถยนต์ต้นแบบ Mazda VISION COUPE “การบรรยายความเรียบหรู สง่างาม ในรูปแบบใหม่ ที่แตกต่างออกไป”
Ikuo Maeda : Managing Executive Officer in charge of Design and Brand Style ของ Mazda Motor Corporation กล่าวในงาน Mazda Design Night เมื่อค่ำวันที่ 24 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา ว่า “ในตอนแรก พวกเราวางแผน และเตรียมงาน รวมทั้งขอร้องทางพิพิธภัณฑสถานแห่งโตเกียว (Tokyo National Museum) อย่างยากลำบาก นานถึง 6 เดือน เพื่อขอยืมสถานที่ ในการเปิดตัวรถต้นแบบคันใหม่นี้ เนื่องจากมองว่า เป็นสถานที่ซึ่งเหมาะสมมากสุดในการสื่อสารด้านงานออกแบบของแบรนด์ Mazda ในยุคถัดไป
แต่ด้วยเหตุการณ์ไต้ฝุ่นลูกที่ 21 (LAN) เข้าถล่มประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะ Osaka และ Tokyo อย่างหนัก ทำให้การจัดงานดังกล่าวต้องถูกยกเลิกไป และทีมงานมีเวลาเพียงแค่ ไม่ถึง 48 ชั่วโมง เท่านั้น ในการเปลี่ยนรูปแบบงาน และย้ายสถานที่เปิดตัวรถต้นแบบคันนี้ มาเป็น โชว์รูม Mazda Takadanobaba ซึ่งเป็น Brand Showroom ที่ถูกออกแบบและก่อสร้างขึ้นใหม่ ให้มีการตกแต่ง CI (Corporated Identity) เป็นแบบใหม่ล่าสุด แทน
Maeda-san เล่าว่า “สำหรับพวกเราชาว Mazda แล้ว รถยนต์นั้นเป็นมากกว่ายานพาหนะ ไม่ได้เป็นเพียงชิ้นส่วนของเหล็กกล้าเท่านั้น หากแต่ยังบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ตัวตนของบุคคล ดังเช่น เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว นี่คือเหตุผลสำคัญที่เรากล้านำเอา แนวทาง KODO Design มาเป็นปรัชญาในการออกแบบ Mazda ได้ดึงเอาพลังงานที่ค้นพบ หลอมรวมเข้ากับแนวความคิดสร้างสรรค์ของสิ่งมีชีวิตที่กำลังเคลื่อนไหว ซึมซับพลังงานและจังหวะเพื่อผนวกรวมเป็นยานพาหนะ การสร้างสรรค์รถยนต์โดยอาศัยพลังของความมีชีวิตชีวา ทำให้รถยนต์นั้นมีชีวิตอย่างแท้จริง นี่คือปรัชญาของเราที่ได้รวมวิสัยทัศน์และความตั้งใจที่จะพัฒนายานยนต์ไปสู่อนาคตด้วยวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อๆ กันมา
นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นพัฒนาด้านสุนทรียศาสตร์ โดยยังคงยึดถือคติค่านิยม และความเชื่อ ตามหลักการทางศิลปะของญี่ปุ่น พวกเรายังคงสร้างสรรค์การออกแบบที่เหนือระดับ อย่างที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน มาพร้อมกับความมีชีวิตชีวาที่แสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของ Mazda พวกเราได้ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนถึงปรัชญาแห่งการออกแบบที่ได้รวบรวมความงดงามสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งหมายถึงการพัฒนา และเรียนรู้ ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยโบราณ ที่มีความสง่าผ่าเผยแต่แฝงไปด้วยความละเอียดอ่อน รูปลักษณ์ของรถยนต์มาสด้าจึงมิใช่เป็นเพียง “คตินิยมศิลปะญี่ปุ่น” ในความหมายแบบเรียบง่าย แต่คือการอธิบายถึงแก่นแท้ขององค์ประกอบเบื้องต้นจากสุนทรียศาสตร์ญี่ปุ่น รวมถึงการบรรยายความเรียบหรูสง่างามในรูปแบบใหม่”
Maeda-san บรรยายต่อไปว่า “เป้าหมายสำหรับการออกแบบของพวกเราในปีนี้ คือ การสร้างความมีชีวิตให้กับรถยนต์ ได้มีบุคลิกแบบ Mazda ELEGANCE ซึ่งมาจาก สุนทรียศาสตร์แบบ Classic ในสไตล์ญี่ปุ่น อันเป็นความงดงามที่ละเอียดอ่อน หรูหราและเปี่ยมด้วยพลัง องค์ประกอบที่มากเกินไปจะถูกตัดออก อย่างระมัดระวัง จนเหลือแต่สิ่งที่สำคัญไว้ สไตล์การออกแบบนี้เกิดจากความสมบูรณ์ที่มากเกินไปซึ่งจะปรากฏที่มีความเรียบง่ายในการออกแบบให้เห็นเสมือนภาพลวงตา คือรถยนต์ที่แสดงออกถึงความสง่าผ่าเผย แต่มีเสน่ห์ดึงดูดใจในรถรุ่นใหม่ของมาสด้า พวกเราตั้งใจจะแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ อันเป็นเอกลักษณ์ ของความงามสง่าอย่างผ่าเผย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์สำหรับรถยนต์ Mazda ยุคต่อไป”
“สุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่นได้แสดงให้เห็นถึงความหรูหราสง่างามที่ไม่สามารถมองหาจากที่ไหนได้ สามารถอธิบายถึงการเจริญเติบโตที่มีความสมดุลอย่างยอดเยี่ยม ความสวยงามแบบไร้ขีดจำกัด ที่ไม่มีสิ่งอื่นใด เจือปนมากจนเกินไป วัฒนธรรมประเพณีของญี่ปุ่นส่วนมากมีพื้นฐานมากจากแนวคิดอันเรียบง่ายอย่าง ”less is more” ซึ่งใจความสำคัญมาจากการลดทอน หรือนำองค์ประกอบบางอย่างออกไป เพื่อจะสร้างสรรค์ความสมบูรณ์บนพื้นที่อันว่างเปล่า”
“เราได้แสวงหาและสร้างสรรค์ความสวยงามเพื่อให้รถยนต์มีความพิเศษ ตั้งแต่ภายในห้องโดยสารไปจนถึงด้านหลังมีเส้นสายเรียบง่ายต่อเนื่องเป็นเส้นเดียวกัน โดยยึดหลักการออกแบบในสัดส่วนสมดุลย์ ซึ่งเรียกกันว่า “Golden ratio” บนพื้นฐานของตัวรถแบบ Coupe 4 ประตู ซึ่งมีความคลาสสิคอยู่ในตัว เส้นสายภายนอกจะต้องสร้างความรู้สึก เปี่ยมด้วยพลัง แม้ยามจอดสงบนิ่ง”
จุดเด่นสำคัญของ VISION COUPE คันนี้ อยู่ที่ความพยายามในการนำ Theme การออกแบบ KODO Design ซึ่งเคยได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนทั่วโลก ไปตีความเพิ่มเติม เพื่อนำพางานออกแบบ KODO Design ไปสู่การสื่อสะท้อนแนวคิดด้านศิลปะของญี่ปุ่น ที่เน้นความสงบนิ่งอย่างเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยพลัง และความมีชีวิตชีวา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวคิดในการปรับพื้นผิวด้านข้างตัวถัง และขัดเกลาให้มีความแวววาว เมื่อมีแสงมาตกกระทบเกิดเป็นเงา จนเกิดเป็น “the beauty of empty space” หรือ “ความสวยงามบนพื้นที่ว่างเปล่า” การสะท้อนของแสง เหนือบริเวณผิวตัวถัง ที่สาดเป็นเส้นตรงจากการเคลื่อนไหวของรถ ช่วยทำให้รถคันนี้ เปรียบประหนึ่งมีชีวิต ความกว้างของพื้นผิวตัวถัง ช่วยเสริมความแข็งแรงความเฉียบคม และดูทรงพลังของรูปร่าง ในขณะที่ตัวรถด้านบนมีความนุ่มนวลลงมา แต่สง่างามด้วยรูปแบบของไฟหน้าและไฟท้ายที่ช่วยทำให้ตัวรถดูกว้างขึ้น ช่างฝีมือของ Mazda ใช้เวลาถึง 2 ปีในการคิด พัฒนา ประดิษฐ์ด้วยมือ และถ่ายทอดออกมาสู่รถต้นแบบคันจริง
ภายในห้องโดยสาร ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “MA” ซึ่งเป็นตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “Space” หรือพื้นที่ว่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในจุดเด่นของงานสถาปัจยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น มาประยุกต์กับรถคันนี้ เพื่อการตกแต่งอย่างแตกต่าง จนทำให้ภายในรถให้สัมผัสที่โอบล้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จนรับรู้ถึงความปลอดภัยและเกิดความรู้สึกสะดวกสบาย โดยไม่รู้สึกถึงการถูกจำกัดพื้นที่ใช้สอยสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวให้กับรถยนต์ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
แผงหน้าปัด ถูกออกแบบให้มีลูกเล่น 3 มิติ มีเส้นสายที่ลาดเอียงจากด้านหน้าไปยังด้านหลังอย่างนุ่มนวล แต่ชวนให้รู้สึกได้ถึงความเร็ว คอนโซลส่วนกลาง แผงขอบประตูและแผงด้านข้าง ถูกออกแบบและจัดวางตำแหน่งต่างๆไว้อย่างลงตัว โดยไม่มีส่วนใดทับซ้อนกัน อีกทั้งยังมีการเน้นให้ความสำคัญกับรายละเอียดปลีกย่อย เช่นลวดลายไม้ของ แผง Trim ประดับตกแต่งบริเวณคันเกียร์ และแผงหน้าปัดตรงกลาง ต่อเนื่องไปถึงแผงประตู
ไม่เพียงเท่านั้น Mazda ยังคงรักษาแนวทาง “Jinba-ittai” หรือ “คนกับรถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” ไว้อย่างเหนียวแน่น บริเวณที่นั่งคนขับได้รับการออกแบบให้มีความสมมาตรกัน รวมถึงตำแหน่ง พวงมาลัย จะยังคงอยู่กึ่งกลางพอดีๆ ทำให้ผู้ขับขี่จะยังเป็นแกนหลักของรถอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังสามารถดูข้อมูลด้วยการสัมผัสคอนโซลส่วนกลาง เสมือนคนขี่ม้าบังคับที่คอของตัวม้า นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ เอกลักษณ์ในการสร้างรถยนต์ที่สอดประสานระหว่างคนขับและตัวรถได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ด้านระบบขับเคลื่อน เนื่องจากรถคันนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อสื่อสารให้ผู้คนทั่วไป รับรู้ว่า Mazda กำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญ ด้านงานออกแบบเป็นหลัก ดังนั้น จึงยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า เวอร์ชันจำหน่ายจริงของรถคันนี้ จะวางขุมพลังอย่างไร เพียงแต่มีการคาดเดากันในบรรดาสื่อมวลชนฝั่งญี่ปุ่นว่า รถคันนี้ น่าจะเป็นต้นแบบให้กับ Mazda 6 / Atenza รุ่นต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า อาจเปลี่ยนจากระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มาเป็นขับเคลื่อนล้อหลัง แทน!! โดยกำหนดเปิดตัวของ 6/Atenza รุ่นต่อไป อยู่ในช่วงปี 2019 – 2020
Mazda จะจัดแสดงรถยนต์ต้นแบบ VISION COUPE คันนี้ ควบคู่กับ รถยนต์ต้นแบบ Mazda KAI (ต้นแบบของ Mazda 3 รุ่นต่อไปที่มีกำหนดจะเปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี 2019) ณ งานแสดงรถยนต์ Tokyo Motor Show ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2017 ณ Tokyo Big Sight กรุง Tokyo ประเทศญี่ปุ่น
(รถคันสีแดง คือ Mazda Rotary Sports Concept รถยนต์ต้นแบบ จากงาน Tokyo Motor Show 2015 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน การนำมาจอดไว้เคียงข้างกัน เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า รถยนต์ต้นแบบทั้ง 2 คันนั้น มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกัน ทั้งในด้านพัฒนาการของเส้นสาย จากแนวทางการออกแบบ KODO Design เจเนอเรชันแรก สู่ เจเนอเรชันล่าสุด ไปจนถึงการนำพาแบรนด์ Mazda ไปสู่ความหรูหราอย่างเรียบง่าย แต่ทรงพลังตามแบบฉบับของศิลปะญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิด Mazda ELEGANCE)
—————————-///——————————
ที่มา : Mazda Motor Corporation
(ข้างล่างนี้ คือภาพบรรยากาศงานเปิดตัวรถต้นแบบ Mazda VISION COUPE ณ โชว์รูม Mazda Takada no baba ใกล้กับมหาวิทยาลัย Waseda ถัดจากย่าน Shinjuku ในกรุง Tokyo เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา)