ก่อนที่ Ford Motor จะเปิดตัว All New Ford Fiesta เจเนเรชั่นที่ 7 ในวันที่ 29
พฤศจิกายน 2016 เวลา 20.00 น. ณ ประเทศเยอรมนี (หรือเวลา 02.00 น. ของวันที่
30 พฤศจิกายน 2016 ของประเทศไทย) เราก็เชื่อว่าหน่วยพัฒนาธุรกิจและการตลาด
ที่เกี่ยวข้องคงคิดสรตะอย่างดีแล้วว่า ถ้าเปิดตัวรถเล็กยอดนิยมรุ่นใหม่ในงาน Paris
Motorshow 2016 ก็อาจทำให้ความขลังของชื่อชั้น Ford Fiesta โดนลดทอนลงไปได้
และมันก็เป็นจริงเสียด้วยเพราะในงานดังกล่าวมีบริษัทรถยนต์พากันเปิดตัวรถซับคอม
แพคท์ตัวเจ็บ ๆ มาทั้งนั้น แทบจะนึกสภาพไม่ออกเลยว่าถ้างานอวดโฉม Ford Fiesta
ใหม่รายล้อมไปด้วยรถยนต์ที่น่าสนใจมาก ๆ จนทำให้บางคนอาจลืม Fiesta ใหม่ไปด้วย

ford-fiesta-1 ford-fiesta-2

เมืองโคโลญจ์ คือ สถานที่จัดงานเปิดตัวระดับ Exclusive ของ All New Ford Fiesta
เจเนเรชั่นที่ 7 ที่น่าจะทำให้ชื่อ Ford Fiesta โฉมใหม่เป็นที่น่าจดจำในฐานะผู้นำตลาดรถ
ซับคอมแพคท์ในตลาดยุโรปไปอีกระยะใหญ่ ๆ ด้วยคุณภาพตัวรถที่เพิ่มพูนขึ้นทุกจุด

หากใครคาดหวังความเปลี่ยนแปลงของ All New Ford Fiesta ชนิดที่ไม่เหลือคราบ
เดิมเลยเห็นทีต้องผิดหวังคอตกกัน เพราะรถรุ่นใหม่นี้จะเป็นการนำโครงสร้างพื้นตัวถัง
และงานวิศวกรรม (B-Platform) ของรถรุ่นเดิมมาต่อยอดใหม่ ดังนั้นงานออกแบบ
และเทคโนโลยีจะไม่ได้ล้ำก้าวกระโดดไปมากกว่านี้ สิ่งที่หวังได้คือวิวัฒนาการเท่านั้น

ford-fiesta-4 ford-fiesta-3

ดีไซน์ตัวถังภายนอกจะถูกลบเส้นเฉี่ยวหรือสันแข็งออกไปจนเกือบหมดจนแทบจะเหลือ
แค่เพียงพื้นผิวตัวถังที่ดูสะอาดตา แม้กระทั่งลายปั๊มนูนบนฝากระโปรงที่แทบจะมองไม่เห็น

แนวคิดการออกแบบตัวถังภายนอกจะเป็นวิวัฒนาการจาก Kinetic Design แบบดั้งเดิม
แต่ถูกขัดเกาไปสู่ความกระชับ, เรียบง่ายและดูคล่องแคล่วขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือการออกแบบ
ดวงไฟหน้าขนาดเล็กลง, กระจังหน้าดีไซน์ใหม่แปลกตามีมิติยื่นนูนซึ่งเป็นการผสมผสาน
ทรงเหลี่ยมเข้ากับทรงรี, แนวขอบกันชนส่วนล่างค่อนข้างเหลี่ยม เป็นต้น

ford-fiesta-5

การเปิดตัว All New Ford Fiesta ในครั้งนี้ไม่ธรรมดาเพราะเป็นการเปิดตัวพร้อมกันถึง
4 รุ่น 4 สไตล์มีให้เลือกทั้งแบบ 3 ประตูและ 5 ประตู ได้แก่ Fiesta Titanium, Fiesta
Vignale, Fiesta ST-Line, Fiesta Active Crossover

ความแตกต่างของทั้ง 4 สไตล์จะอยู่ที่ดีไซน์ด้านหน้า หากเป็นแบบ Fiesta Titanium
รุ่นมาตรฐานจะมาพร้อมกับกระจังหน้าที่มีบานเกล็ดแนวนอนซี่ถีพร้อมกันชนหน้าที่ถูก
ออกแบบให้มีความโค้งมนรับกับใบหน้าใหม่, Fiesta Viganle จะเพิ่มความหรูหราจับ
ตลาดบนด้วยกระจังหน้ารังผึ้งและกันชนที่ออกแบบดูเรียบง่าย, Fiesta ST-Line เน้น
ความสปอร์ตดุดัน ส่วน Fiesta Active Crossover นั้นจะเป็นการนำรุ่น Titanium
มาตกแต่งใหม่ เพิ่มกาบสีดำรอบคันและติดตั้งแถบกันกระแทกสีเงินบริเวณชายล่างสุด

ford-fiesta-6

ภายในห้องโดยสารคือสิ่งที่น่าจับตามองที่สุด หากใครจะคาดหวังความกว้างคงต้องทำใจ
แต่ถ้าคาดหวังด้านคุณภาพก็คาดหวังได้ เพราะ Ford Fiesta โฉมใหม่ปรับปรุงคุณภาพ
วัสดุภายในห้องโดยสารเป็นอย่างมากเพิ่มวัสดุบุนุ่มในรุ่น Vignale ส่วน Fiesta รุ่นอื่น ๆ
ก็มีการปรับปรุงชิ้นส่วนพลาสติกให้ดูมีราคาเพิ่มขึ้น

ford-fiesta-8

ดีไซน์ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่ายด้วยการปลดปุ่ม 20 ปุ่มออกไปแล้วแทนที่
ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วพร้อมซอฟท์แวร์ SYNC 3 เชื่อมต่อโลกออนไลน์, สมาร์ทโฟน
และเป็นระบบแผนที่นำทางในตัวได้ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นด้านฟังก์ชัน Voice Control
และสามารถเลือกติดตั้งชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยม B&O

Ford Fiesta โฉมใหม่เพิ่มความมั่นใจด้วยระบบป้องกันการชนที่สามารถตรวจจับ
วัตถุได้ไกลสุด 130 เมตร และถ้าหากผู้ขับขี่ไม่พยายามจะหยุดเมื่อมีการเตือนระบบ
ก็จะหยุดรถโดยอัตโนมัติ

ford-fiesta-7

พร้อมกันนี้ Ford Fiesta ยังพกพาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ 15 รายการ ได้แก่ ระบบช่วย
ถอดจอดอัจฉริยะ Active Park System, ระบบให้ข้อมูลเตือนจุดบอด Blind Spot
Information, ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่าน Cross Traffic Alert และระบบช่วยรักษา
เลน Lane Keeping Assist

ford-fiesta-9

จุดขายสำคัญงานนี้คือเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่เบนซิน 1.0 ลิตร Ecoboost พร้อม
ระบบพักการทำงานกระบอกสูบจนเหลือเพียงแค่ 2 สูบในบางเวลา (cylinder
deactivation) อาทิ ขับรถลอยชายไปเรื่อย ๆ หรือขับรถด้วยความเร็วคงที่ ถือเป็น
ครั้งแรกที่ติดตั้งในเครื่องยนต์ 3 สูบ ที่สามารถสั่งให้พัก-ยกเลิกการพักกระบอกสูบ
ภายในแค่ 14 มิลลิวินาทีเท่านั้น

ผลจากการติดตั้งเทคโนโลยีนี้ก็จะทำให้เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตรใหม่ประหยัดน้ำมัน
กว่าเดิมอีก 6% จากเดิม 65.7 MPG ยุโรปกลายเป็น 69.6 MPG ตามมาตรฐานยุโรป

ford-fiesta-10

ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกประการคือ 2017 Ford Fiesta โฉมใหม่จะอัพเกรด
สถานะตัวเองเป็นซับคอมแพคท์ระดับบนด้วยการตัดเกรดย่อยรุ่นล่างสุดออกไป
แล้วผลักดันให้ Ford Ka+ มาทำหน้าที่แทน

ที่มา : Autocar, AutoExpress