หืม? เดี๋ยวนะ… 328i หนะ ไม่เถียงหรอกถ้าจะพาดหัวบทความกันแบบนี้…
แต่ 320i ….เนี่ยนะ!!??
ครับ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ไม่เชื่อ ว่า 320i จะให้ผลทดลองขับออกมาได้อย่างนี้…
แหงละ ในช่วงตั้งแต่ปี 2006 – 2007 เป็นต้นมา แม้ว่า Mercedes-Benz จะเป็นผู้ผลิต
รถยนต์ รายแรก ที่นำเครื่องยนต์ Diesel ยุคใหม่ กลับมาติดตั้งในรถยนต์ประกอบใน
ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ในรอบเกือบ 20 ปี (รุ่นสุดท้ายคือ 300D Van แสนอัปยศ
ในยุคธนบุรีประกอบรถยนต์ รุ่นแรกที่กลับมาคือ E220 CDI)
BMW Thailand เอง ก็ซุ่มเฝ้าดูอยู่เรื่อยๆ ว่า การตอบรับของลูกค้าชาวไทยจะเป็นอย่างไร?
ยังหวั่นๆ หวาดกลัวว่า จะไปรอดหรือไม่ จนพวกเขาตัดสินใจ ฮึดสู้ เริ่มพยายาม เปลี่ยนมุมมอง
ของผู้บริโภคชาวไทย ด้วยวิธี สร้างประสบการณ์ บนหลังพวงมาลัย ไปกับขุมพลัง Diesel
Common-Rail พ่วง Turbo และ Intercooler ยุคใหม่ เริ่มจาก 520d ตัวถัง E60 ก่อน
พอได้รับความนิยมในระดับไปได้สวย 320d ตัวถัง E90 จึงตามเข้ามา เป็นรุ่นที่ 2 จำได้ว่า
ช่วงแรกๆ ที่คลอดมา ผู้คนยังหวั่นใจว่าสมรรถนะเป็นอย่างไร
แต่พอรีวิว ที่ผมทำเอาไว้ คลอดออกมาในช่วงปี 2008 ณ เว็บไซต์เก่า ที่ผมเคยทำงานอยู่
ใครบางคน มาบอกกับผมว่า ถัดจากนั้น 1 – 2 เดือน ยอดขาย 320d ก็พุ่งขึ้นมาหลายสิบ
เปอร์เซนต์ อยู่ สอดคล้องกับ ปริมาณของ 320d ที่ผมเก็นบนถนนในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น
จนเยอะกว่า 320i และ 318i จนได้ในท้ายที่สุด ทั้งความคุ้มค่า ที่ตัวรถมีให้ สมรรถนะ
ที่แรงสะใจ แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า รถเก๋งญี่ปุ่นคันเล็ก ทั้ง Vios Yaris Jazz และ
City เสียอีก
พอถึงเวลาที่ BMW จะต้องเปิดตัว 3-Series รุ่นใหม่ รหัสตัวถัง F30 ในช่วงเดือนตุลาคม
2011 ก่อนจะตามมาเปิดตัวแบบกระชั้นชิดในบ้านเรา เดือนกุมภาพันธ์ 2012 แน่นอนว่า
รุ่น 320d ถูกวางตัวให้เป็น ทัพแรกสหรับบุกตลาด เอาใจลูกค้าที่ยังชื่นชมในอัตราเร่ง
แถมคราวนี้ มาพร้อมความประหยัดน้ำมันอย่างบ้าระห่ำ ถึง 20.61 กิโลเมตร/ลิตร! จาก
การทดลองขอ Headlightmag.com ตามมาตรฐานเดิมของเรา วิ่ง 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เปิดแอร์ นั่ง 2 คน เหมือนเช่นที่ปรากฎในบทความ Full Review ซึ่งพึ่งเผยแพร่ครั้งแรก
เมื่อกลางเดือน มีนาคม 2013 ที่ผ่านมา
แต่ ผมก็ไม่ได้นึกเลยว่า รุ่นย่อย ขุมพลัง เบนซิน ของ F30 ที่คลอดและคลานตามออกมา
ในงาน Motor Expo เดือนธันวาคม 2012 ในคราวนี้ กลับตีตื้นขึ้นมาสร้างความน่าสนใจ
จนกลายเป็นตัวเลือกในใจของใครหลายๆคนไปดื้อๆ! ตอนนี้ หลายคนเริ่มตั้งคำถามแล้ว
ว่า ระหว่าง 320i หรือ 320d ใครน่าเป็นเจ้าของกว่ากัน? นี่ยังไม่นับ 328i ที่เหมือนอยู่ใน
มุมมืดมาตลอด แต่ ด้วยค่าตัวที่ไม่ได้แพงโหด เหมือนสมัยก่อน หลายคนก็เริ่มเมียงมอง
เริ่มพิจารณาดูว่า จะเพิมเงิน ยกระดับขึ้นมาเล่น 328i ให้สะใจเล่นดีไหม?
อย่างน้อย มีพี่ผู้ใหญ่ที่รู้จักกันรอบข้างผม ถอย 328i ไปแล้วคันนึง!!
อะไรที่เป็นเหตุให้เกิดผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ได้?
บทความ Full Review คราวนี้ละครับ จะเฉลยปริศนาดังกล่าว ให้เข้าใจกันง่ายๆ
และถ้าคุณคิดว่า นับจากบรรทัดข้างล่างนี้ ต้องมานั่งเสียเวลา อ่านอรรถาธิบาย
เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ BMW 3-Series กันอีกรอบละก็…
ยินดีด้วยครับ คราวนี้มันไม่เป็นเช่นรีวิวอื่นๆที่คุณเจอมาในช่วงพักหลังมานี้
เพราะผมจะพาคุณ ตรงดิ่งไปพบกับตัวรถ ทั้ง 2 คัน นักแสดงนำชูโรงของเรา
ในคราวนี้กันเลย นับจากนี้ไป!
อ้อ! อาจต้องบอกกันก่อนว่า บทความนี้ เป็นเสมือน ภาค 2 ของ บทความ Full Review
BMW 3-Series รุ่นตัวถัง F30 / F31 และเจาะมุ่งเน้นแค่ขุมพลัง เบนซิน เท่านั้น ผม
อยากขอแนะนำให้คุณ ได้คลิกอ่านบความ Full Review ของ BMW 320d F30 ไปด้วย
เพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งข้น คลิกที่นี่
BMW 3-Series รุ่นตัวถัง F30 เผยโฉมสู่สายตาชาวโลกครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2011
ก่อนจะถูกส่งมาเปิดตัวในประเทศไทย อย่างรวดเร็วฉับไวเกินคาดคิด ในงานแถลงข่าว
ประจำปีของ BMW Thailand เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012 ก่อนจะนำไปเปิดตัวอย่าง
เป็นทางการ ให้สาธารณชนได้สัมผัส และจับจองกันล่วงหน้า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2012
ในงาน Bangkok International Motor Show โดยในช่วงแรก มีเฉพาะรุ่น 320d ที่มีรูปแบบ
การตกแต่งให้เลือก ถึง 3 สไตล์ ทั้งแบบ Modern Luxury และ Sport
รถยนต์ล็อตแรก สั่งเข้ามาจากเยอรมัน ในแบบ CBU แต่รถยนต์ที่ส่งมอบให้ลูกค้า จะผลิต
จากโรงงานของ BMW ที่ระยอง โดยใช้ชิ้นส่วนนำเข้า แบบ CKD
ส่วนรุ่น 328i นั้น เปิดตัวในตลาดยุโรป พร้อมกับทั้ง 320d และ 330d เป็น 3 รุ่นย่อยชุดแรก
ที่ออกสู่ตลาด เริ่มพร้อมจำหน่ายจริง เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012 หลังเผยโฉมคันจริง
4 เดือน เต็มๆ
ตามติดด้วยรุ่น Touring รหัสรุ่น F31 เผยโฉมสู่สายตาชาวโลกครั้งแรก เมื่อ 13 พฤษภาคม 2012
และเริ่มทำตลาดจริงในยุโรป วันที่ 6 กรกฎาคม 2012 ด้วยรุ่นย่อย 328i 320d และ 330d เหมือน
รุ่น Sedan 4 ประตู
หลังจากนั้น 7 เดือน 3-Series F30 ระลอก 2 ก็คลอดตามออกมา ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ ทั้งรุ่น
316d 318d และ 320i คราวนี้ มีประจำการพร้อมกันทั้ง 2 ตัวถัง ครบถ้วน
แต่สำหรับเมืองไทย 328i และ 320i ถูกเตรียมความพร้อมเรื่องสายการประกอบ CKD ในบ้านเรา
ที่โรงงานระยอง จนเรียบร้อย แล้วจึงค่อยเปิดตัว พร้อมกันกับ 320d Touring (นำเข้าทั้งคันแบบ
CBU) ในงาน Motor Expo อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2012
รูปลักษณ์ภายนอก บนตัวถังที่มีความยาว 4,624 มิลลิเมตร กว้าง 1,811 มิลลิเมตร สูง 1,429
มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาวถึง 2,810 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อคู่หน้า 1,543 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อคู่หลัง 1,583 มิลลิเมตร ก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก 320d Saloon เลย ขึ้นอยู่
แค่เพียงว่า คุณจะเลือกรูปแบบการตกแต่ง แบบใด
320i เวอร์ชันไทย จะมีให้เลือกครบ ทั้ง 3 รูปแบบการตกแต่ง คือ Modern Luxury และ Sport
แต่คันที่ผมได้รับมาทดลองขับกัน เป็นรุ่น Luxury ซึ่งตกแต่งในแนวหรู ด้วยล้ออัลลอย ขนาด
17 นิ้ว ลายซี่เล็ก 20 ซี่ Multi-spoke รหัส 414 สวมด้วยยาง Bridgestone Potenza S001 RFT
(Run Flat Tyre) ขนาด 225/50 R17 เพิ่มความหรูด้วย แถบโครเมียม ล้อมกรอบหน้าต่างประตู
ทั้ง 4 บาน น้ำหนักตัวรถสุทธิ (น้ำหนักรถเปล่า) 1,495 กิโลกรัม
ส่วน 328i เวอร์ชันไทย จะมีให้เลือกแค่รุ่น Sport เพียงอย่างเดียว ความแตกต่างที่จะสังเกตได้
จากภายนอก หลักๆจะมี 2 จุดคือ สัญลักษณ์ด้านหลังรถที่เขียนว่า 328i และล้ออัลลอย ขนาด
8J x 18 นิ้ว 5 ก้านคู่ สวมด้วยยาง GoodYear รุ่น Efficient Grip Run Flat ขนาด 225/45 R18
รวม 4 เส้น มาให้จากโรงงาน ไม่มีแถบโครเมียมรอบกรอบกระจกหน้าต่างมาให้ น้ำหนักตัว
สุทธิ (น้ำหนักรถเปล่า) 1,530 กิโลกรัม
แค่นั้น!
เพราะอุปกรณ์มาตรฐานที่เหลือต่อจากนี้ ทั้ง 320i และ 328i จะให้มาครบถ้วนเหมือนกันกับ
320d ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ชุดไฟหน้า ทั้งไฟสูง และต่ำแบบ Xenon ปรับระดับความสูง-ต่ำ
อัตโนมัติ ตามน้ำหนักบรรทุก มีไฟตัดหมอกทั้งที่เปลือกกันชนหน้า และไฟตัดหมอกหลัง
ฝังในแผงทับทิม ไฟเลี้ยว LED ที่กรอบกระจกมองข้าง ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และ
เสาอากาศวิทยุ แบบครีบปลาฉลาม ซึ่งใช้ใน BMW มาตั้งแต่ 5-Series รุ่น E60 แล้ว
การเข้า-ออกจากรถ ควบคุมด้วย รีโมทกุญแจ Immobilizer แค่เพียงพกรีโมทไว้กับตัว เดินเข้าไป
ใกล้ตัวรถ ก็สามารถดึงเปิดประตูออกได้แล้ว ถ้าจะสั่งล็อกประตู ก็แค่ปิดประตู แล้วเอานิ้ว แตะบน
แถบด้านบนของมือจับประตู เท่านี้ก็เรียบร้อย บนรีโมที่มีน้ำหนักเบากว่ารีโมทกุญแจของรถยนต์
ทั่วไปในปัจจุบัน มีปุ่มเปิดฝาประตูห้องเก็บของด้านหลัง และมีดอกกุญแจสำรองซ่อนอยู่มาให้
เรียกว่าระบบ Comfort Access
ในยามค่ำคืน เมื่อเปิดประตูรถ ทั้ง 4 บาน กางออก คุณจะเห็น ไฟส่องสว่าง ใต้แผงประตู
ด้านข้าง ของประตูทุกบาน เพื่อช่วยให้เห็นพื้นด้านข้าง ขณะกำลังจะก้าวขึ้น – ลงจากรถ
เหมือน 320d ทั้ง 2 คันก่อนหน้านี้
หน้าตาพื้นฐานของกุญแจรีโมท จะเป็นแบบเดียวกันนี้ แต่จะใช้โทนสีแตกต่างไป ขึ้นอยู่กับว่า
รถคันนั้น ตกแต่งด้วยรูปแบบใด ถ้าเป็นรุ่น Luxury จะใช้สีกุญแจเป็น ดำ ขลิบด้วยแถบสีเงิน
ส่วน รุ่น 328i Sport จะเป็นกุญแจสีดำคาดด้วยแถบสีแดง
ในเมื่อ 320i คันที่เราลองขับ ตกแต่งในแบบ Luxury ดังนั้น เมื่อเปิดประตูรถ ก็จะเห็นว่า
โทนสีภายในห้องโดยสาร จะแตกต่างจาก 320d Sport ที่เราเคยทำรีวิวไปก่อนหน้านี้ และ
328i M-Sport อย่างชัดเจน เพราะทั้งแผงประตู เบาะนั่ง และครึ่งท่อนล่างของแผงหน้าปัด
จะใช้โทนสีน้ำตาล ชาดำเย็น เป็นสีพื้นฐาน ส่วนครึ่งท่อนบนของทั้งแผงประตูทุกบาน
และแผงหน้าปัด จะยังเป็นสีดำ เพื่อลดการสะท้อนของแสงแดดเข้าตาผู้ขับขี่
ขณะที่รุ่น 328i นั้น ตกแต่งในแบบ Sport ดังนั้น ภายในห้องโดยสาร จึงยังคงเป็นโทนสี
ดำ และมีด้ายสีแดง เย็บประดับ เหมือนเช่นรุ่น Sport คันอื่นๆ
การเข้า – ออกจากเบาะคู่หน้า ยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ให้ศีรษะไปโขกกับกรอบ
โครงเสาหลังคาอยู่ดี เพราะช่องทางเข้าของ BMW แทบทุกรุ่น เล็กกว่ารถยนต์ทั่วไป
เหมือนกันแทบจะทุกรุ่น ยิ่งถ้าปรับเบาะไว้สูง โอกาสจะโดนโขกยิ่งมีสูง แต่ถ้าปรับไว้
ต่ำสุด อาจต้องออกแรงในการยกตัวลุกขึ้นจากเบาะนั่ง มากกว่าปกติสักหน่อย เป็นเช่นนี้
เหมือนกันกับ 320d ทุกประการ
เบาะหนังของทั้ง 2 รุ่น หุ้มด้วยหนังแบบ Dakota อันเป็นหนังสังเคราะห์ ที่ BMW ใช้งาน
มานานแล้ว อาจพบว่า พื้นผิวค่อนข้างสากกว่าเบาะหนังในรถยนต์ยี่ห้ออื่น แต่มองในมุม
กลับกัน ก็ได้รับการพิสูจน์ว่า มีความทนทานต่อการใช้งานและสภาพอากาศ ได้ดีกว่าหนัง
หุ้มเบาะของรถยนต์ยี่ห้ออื่นเช่นกัน
320i นั้น แม้ว่าเบาะนั่งคู่หน้าจะปรับตำแหน่งด้วยสวิชต์ไฟฟ้า ทั้ง 2 ฝั่ง และมีสวิชต์ตั้ง
บันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง รวมทั้งกระจกมองข้าง ฝั่งคนขับ มาให้ 2 หน่วยความจำ อีกทั้ง
ยังมีพนักศีรษะขนาดใหญ่เบ้อเร่อ ปรับมุมองศาการดันศีรษะคุณได้ 4 ตำแหน่ง ได้แก่
ธรรมดา เริ่มดัน ดันมาก และดันทุรังจนปวดต้นคอ
แต่ ความแตกต่างของเบาะคู่หน้า ของ 320i ที่จะไม่เหมือนกับ 320d และ 328i นั้น
อยู่ที่ เบาะรองนั่งจะเป็นแบบธรรมดา แม้จะนั่งได้กระชับพอดีกับต้นขาของผม แต่ส่วนปลาย
ของเบาะรองนั่ง ไม่สามารถปรับความยาวได้เลย ไม่ว่าจะด้วยสวิชต์ไฟฟ้า หรือด้วยมือจับ
ดีงโยกเลื่อนออกมา ก็ไม่มีมาให้ อีกทั้ง ยังไม่มีระบบปรับตำแหน่งดันหลังด้วยไฟฟ้า
มาให้อีกเหมือนกัน และที่แน่ๆ ไม่มีสวิชต์ปรับตำแหน่งปีกข้างเบาะคนขับให้ถ่างออก
หรือหุบเข้า
ดังนั้น แม้จะนั่งสบายตามสมควร แต่พอไม่สามารถปรับดันหลังได้ ช่วงกลางของเบาะ
ที่บุ๋มลงไปนิดนึงนั้น อาจก่อความเมื่อยในช่วงกลางแผ่นหลังได้ สำหรับบางคน ดังนั้น
อยากให้ลองนั่งเบาะจริงดูก่อน ว่ารับได้หรือไม่ สำหรับผม ถือว่า พอรับได้ แต่นั่งนานๆ
ก็แอบเมื่อยกลางหลังเหมือนกัน
ขณะที่รุ่น 328i เป็นเบาะนั่งแบบ Sport เหมือนกับ 320d ทั้ง 2 คันที่เราลองขับไปแล้ว
จึงมีมาให้ครบทั้ง ระบบสวิชต์ไฟฟ้า ปรับระดับ กางและหุบปีกข้างของเบาะคนขับ
รวมทั้ง มือจับดึงเลื่อนเพิ่มความยาวเบาะรองนั่ง สำหรับทั้งเบาะคนขับ และผู้โดยสาร
ฝั่งซ้าย แบบเดียวกับ 320d แต่ก็ยังกงปีกเบาะได้ไม่มากนัก เพราะทีมออกแบบต้องการ
ให้เบาะยึดรั้งตัวผู้ขับขี่ไว้ในขณะเข้าโค้งได้ดี
ตำแหน่งวางแขน ทั้งบนแผงประตู และ บนฝากล่องเก็บของกลาง เลื่อนขึ้นหน้าหรือ
ถอยหลังได้ (แต่ต้องออกแรงมากหน้อย จนน่ากลัว) สามารถวางแขนได้ในระดับที่
สบายพอดี ตามหลักสรีรศาสตร์เป๊ะ
ส่วนการเข้า – ออกจาก บานประตูคู่หลัง ก็ยังคงต้องระมัดระวังศีรษะสักเล็กน้อยเหมือนกัน
อยู่ดี ควรจะก้มหัวให้เยอะๆ เวลาลอดผ่านหลังคารถ มิเช่นนั้น อาจโขกกับขอบด้านบนของ
กรอบประตูได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับด้านหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ช่องทางเข้า ที่กว้างยาวขึ้น ก็ช่วย
ให้การเข้า – ออกจากเบาะหลัง ทำได้ดีขึ้น
พื้นที่วางแขนบนแผงประตูคู่หลัง ก็ยังวางอู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและเหมาะสมเช่นเดียวกับ
3-Series F30 / F31 คันอื่นๆ กระจกหน้าต่าง บานประตูคู่หลัง เลื่อนลงได้จนสุดบาน มือจับ
มีแถบสีเงินประดับ เพื่อความสวยงาม แต่ช่องวางของด้านข้าง ใส่ขวดน้ำ 7 บาทได้แบบ
ต้องยัดเยียดวางเข้าไป ไมได้ออกแบบมาเผื่อไว้แต่อย่างใด
นอกจากจะมีช่องใส่หนังสือ ด้านหลังพนักพิงเบาะคู่หน้า ที่ออกแบบให้มีส่วนเว้ารับกับการ
วางขาของผู้โดยสารด้านหลังแล้ว ยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังมาให้ 2 ช่องอีกด้วย
และในรถรุ่น F30 นี้ ยังมีการขยายพื้นที่วางขาด้านหลังให้เพิ่มข้นจากรุ่น E90 เดิม เพื่อให้
นั่งสบายขณะเดินทางไกลได้ดีขึ้น
ทั้งรุ่น 320i Luxury และ 328i Sport ที่เห็นอยู่นี้ ติดตั้ง ม่านไฟฟ้า ที่กระจกบังลมหลัง สวิชต์
เปิด – ปิด จะอยู่ที่ แผงสวิชต์ กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ณ แผงประตูฝั่งคนขับ
เบาะนั่งด้านหลัง ออกแบบมาให้นั่งได้สบายขึ้นกว่ารุ่นเดิม แต่ถ้าคนที่ไม่คุ้นชินกับเบาะของ
รถขับเคลื่อนล้อหลัง อาจไม่คุ้นชินกับลักษณะที่ซุ้มล้อคู่หลัง จะยื่นกินพื้นที่ด้านข้างของเบาะ
เข้ามาปะทะกับบั้นท้ายผู้โดยสารทั้ง 2 ฝั่งอยู่สักหน่อย นี่ถือว่าดีขึ้นกว่ารถรุ่นเดิมนิดนึงด้วยซ้ำ
แล้วนะ
เบาะรองนั่ง และพนักพิงหลังยังใช้ ฟองน้ำที่ให้ความหนาแน่นพอกันกับรถรุ่นเดิม รองรับ
บริเวณหัวไหล่ได้ดีขึ้น สำหรับคนช่วงขาสั้นอย่างผม เบาะรองนั่ง ด้านหลังออกแบบมาได้
พอดีกับข้อพับ นั่งได้เต็มก้น แต่ถ้าคนที่มีช่วงขายาว อาจต้องนั่งชันขาอยู่บ้าง ทุกรุ่น ยังคง
ให้เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง รวมทั้งพนัก
วางแขน แบบพับเก็บได้ พร้อมช่องวางแก้ว 2 ตำแหน่ง ทำจากพลาสติกแข็งแบบพับเก็บได้
ไฟอ่านหนังสือ และไฟส่องสว่างกลางห้องโดยสาร รวมทั้งมีมือจับเหนือบานประตูทั้ง 4
มาให้จากโรงงาน
การโดยสารด้านหลัง ก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก 320d Sedan เลย แน่ละ ถ้าจะให้ต่างกัน เห็นที
ต้องไปหา 3-Series Long Wheelbase รุ่นฐานล้อยาว สำหรับตลาดเมืองจีน กันอย่างเดียวละ
ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลัง เปิดยกขึ้นตั้งฉากอย่างที่เห็น มีพลาสติกครอบเสาค้ำยันมาให้
ส่วนผนังใต้ฝากระโปรงหลัง บุมาอย่างเรียบร้อย ซึ่งในระยะหลังๆมานี้ ไม่ค่อยเห็นบริษัท
รถยนต์ลงทุนเก็บรายละเอียดได้ดีอย่างนี้เท่าใดนัก แถมยังมี ทับทิมสามเหลี่ยม ติดมาให้
จากโรงงาน เพื่อให้ คุณกางมันออกใช้ ขณะที่รถต้องจอดอยู่บนไหล่ทาง รอความช่วยเหลือ
เพื่อให้แสงไฟหน้ารถคันที่แล่นตามมา สะท้อนกับทับทิม และลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุลงได้
ทั้ง 320i และ 328i จะมาพร้อมระบบเซ็นเซอร์เปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ เชื่อมต่อกับ
รีโมทกุญแจ Comfort Access คุณต้องพกกุญแจไว้ แล้วเดินเข้าไปที่ฝาประตูด้านหลัง
เล็งให้ขาขวาของคุร ตรงกับแผ่นป้ายทะเบียน แล้วเตะยื่นเข้าไปใต้เปลือกกันชนหลัง
ฝาประตูห้องเก็บของจะปลดล็อกและเปิดยกขึ้นเองโดยอัตโนมัติ แต่แรงดีด ก็ไม่เบา
ดังนั้น ระมัดระวังจะถูกฝากระโปรงหลังเสยคางเอาง่ายๆนะครับ
ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังของ 3-Series F30 ใหม่ มีความจุ 480 ลิตร ตามมาตรฐาน VDA
เยอรมัน เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม E90 ซึ่งมีขนาดความจุ 460 ลิตร และใหญ่กว่า Mercedes-Benz
C-Class Saloon W204 ซึ่งอยู่ที่ 475 ลิตร VDA
ผนังด้านข้าง ถูกออกแบบมาให้เป็นช่อง สำหรับวางข้าวของจุกจิก ฝั่งซ้ายจะมีตาข่ายไม่สูงนัก
ไว้กันข้าวของขนาดเล็ก กลิ้งไปมา ส่วนฝั่งขวา จะเป็นช่องวางแบ็ตเตอรี มีฝาปิดมาให้วางของ
ได้อีกนิดหน่อย ต้องถือว่า เก็บงานได้เรียบร้อยดี แต่พอแหงนขึ้นไปมองด้านบน แม้จะมีไฟ
ส่องสว่างในห้องเก็บของดวงเล็กมาให้ แต่การเก็บงานภายใน ก็ยังคงปล่อยเปลือยเหมือนกับ
รถยนต์ทั่วไป อาจเพราะเป็นตำแหน่งที่คนทั่วไป ไม่ค่อยใส่ใจก้มลงมามองกันอยู่แล้วกระมัง
ความสูงจากพื้นถนน จนถึงขอบกันชนหลัง ยังคงอยู่ที่ระดับ 66 เซ็นติเมตร เท่าเดิม เพื่อความ
สะดวกต่อการขนถ่ายเคลื่อนย้ายข้าวของจากด้านหลังของรถ และเมื่อยกพื้นห้องเก็บของขึ้น
จะไม่พบยางอะไหล่ คุณจะเจอแค่หลุมวางของขนาดใหญ่ พร้อมฝาปิด แค่นั้น
แผงหน้าปัด ไม่แตกต่างไปจาก 3-Series F30 รุ่นอื่นๆ มากนัก เพียงแต่ว่า 320i Luxury
จะตกแต่งแผงหน้าปัดและแผงสวิชต์ i-Drive ข้างคันเกียร์ ด้วย ลายไม้ Wallnut สีน้ำตาล
เข้ม คาดด้วยแถบ Aluminium สีเงิน ส่วนครึ่งท่อนล่าง จะใช้โทนสีชานม เช่นเดียวกับสี
ของเบาะนั่ง
ส่วน 328i Sport จะตกแต่งแผงหน้าปัดด้วย Trim แบบ Aluminium สีโลหะเงิน จากฝั่งซ้าย
จรดขวา คาดด้วยแถบ Hi-Gross สีดำเงา แซมด้วย Aluminium ตามจุดต่างๆ ทั้งแผงควบคุม
เครื่องเสียง ระบบเครื่องปรับอากาศ แผงคันเกียร์ สวิชต์ระบบ i-Drive และมือจับประตู
มองขึ้นไปด้านบนเพดาน ทั้ง 2 รุ่น ใช้โทนสีเทาสว่าง เหมือนกัน เพิ่มความสว่างภายใน
ห้องโดยสารได้ดีขึ้น แผงบังแดด มีกระจกแต่งหน้า พร้อมฝาเลื่อนเปิด – ปิด และไฟส่อง
สว่าง ฝังบนเพดาน มาให้ทั้ง 2 ฝั่ง ตรงกลาง เหนือกระจกมองหลังแบบตัดแสดงอัตโนมัติ
ยามค่ำคืน เป็นไฟส่องสว่างพร้อมไฟอ่านแผนที่ 2 ฝั่ง แสงในตอนกลางคืนถือว่า พอใช้ได้
กำลังดี รวมทั้งยังมีไฟ Ambient Light สร้างบรรยากาศ เป็นสีส้ม
แต่ไฟ Ambient Light นั้น ในรุ่น Luxury จะมีติดตั้งเพิ่มอีกจุด นั่นคือ เสาหลังคาคู่กลาง
B-Pillar ชวนให้นึกถึง ไฟส่องสว่างหน้าห้องน้ำตามต่างจังหวัด ที่จะต้องมีบรรดาจิ้งจก
และตุ๊กแก คอยเกาะอยู่รายล้อมรอบ!
ด้านหลังของกระจกมองหลัง เป็นที่อยู่อาศัยของ เซนเซอร์ใบปัดน้ำฝน (Rain Sensor)
และเซ็นเซอร์ เปิด – ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
จากบานประตูฝั่งขวา ไล่มาถึงพวงมาลัย อุปกรณ์บริเวณรายล้อมตัวผู้ขับขี่ ยกชุดมาจาก 320d Saloon
แทบทั้งสิ้น! จนแทบอยากจะให้คุณผู้อ่าน คลิกเข้าไปนั่งอ่านใน Full Review ของ 320d กันเอาเอง
เพราะทุกฟังก์ชันการทำงาน ของ รถทั้ง 2 คันที่เรานำมาทำบทความครั้งนี้ มันเหมือนกันกับ 320d
Saloon ทั้งหมดเลย!
สิ่งที่อาจต้องหมายเหตุเพิ่มเติมไว้ ว่ามีรายละเอียกดต่างจากในบทความรีวิว 320d ก็คือ บริเวณสวิชต์
กระจกหน้าต่างทั้ง 4 บาน เลื่อนขึ้น – ลง ด้วยไฟฟ้า แบบ One-Touch ทั้งหมด รวมทั้ง สวิชต์ ปรับ
และพับกระจกมองข้างด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติยามค่ำคืน เหมือนกระจกมองหลัง และสวิชต์
เลื่อนเพื่อเปิดการทำงานของระบบปรับมุมของกระจกมองข้างฝั่งซ้ายลง ทันทีที่เข้าเกียร์ถอยหลัง บริเวณ
นั้น จะมีสวิชต์เล็กๆ อยู่มุมขวามือล่างสุดของแผง นั่นคือ สวิชต์ เปิด-ปิด ม่านไฟฟ้า ณ กระจกบังลมหลัง
ใน 320d Touring อาจไม่มีมาให้ แต่ใน 320d 320i และ 328i ล้วนติดตั้งมาให้ครบทุกรุ่นย่อย
(ยกเว้น 320i Base)
คอพวงมาลัยฝั่งขวา ก้านสวิชต์ ใบปัดน้ำฝน มาพร้อมระบบปัดหน่วงเวลา ปรับตั้งเองได้และมีเซ็นเซอร์
วัดปริมาณน้ำฝน Rain Sensor มาให้ ที่ด้านบนสุดของกระจกบังลมหน้า ร่วมกับ ไฟหน้าแบบเปิด-ปิด
อัตโนมัติ (ต้องหมุนสวิชต์ไฟหน้า ไปที่ตำแหน่งซ้าย Auto จึงจะทำงาน)
พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน ทรงกึ่งสปอร์ต กึ่งหรู เส้นผ่าศูนย์กลาง ขนาดกำลังดี มาพร้อมสวิชต์ระบบ
Multi-Function ฝั่งซ้ายของก้านพวงมาลัย ควบคุมระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ส่วน
ฝั่งขวา ไว้ควบคุมชุดเครื่องเสียง กับระบบโทรศัพท์ในรถ แสดงผลผ่านทางหน้าจอมอนิเตอร์กลาง
และบนแถบด้านล่าง ของชุดมาตรวัด เป็นเช่นนี้ เหมือนกัน ทั้ง 320d 320i และ 328i (ยกเว้น 320i
BASE)
ในรุ่น 320i พวงมาลัย จะหุ้มหนังสีดำ ประดับด้วย Trim สีเงิน แต่รุ่น 328i Sport หนังหุ้มพวงมาลัย
สีดำ จะถูกเย็บเชื่อมติดด้วยด้ายสีแดงเหมือนเบาะนั่ง ประดับด้วย Trim สีเงิน เพื่อเพิ่มบุคลิก Sport
นอกจากนี้ พวงมาลัยของ 328i จะเพิ่มแป้นเปลี่ยนเกียร์ ด้านหลังพวงมาลัย Paddle Shift มาให้
เหมือนใน 320d Touring Wagon ซึ่งจะไม่มีใน 320i และ 320d Saloon
ทั้ง 320i 328i และ 320d Saloon (ที่ไม่ใช่รุ่น BASE) จะติดตั้ง ถุงลมนิรภัย มาให้ 6 ใบ ทั้ง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านลมนิรภัย ซึ่งรองรับทั้งผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง และมี
ระบบเซ็นเซอร์ตัดการส่งจ่ายน้ำมัน, ปลดล็อกประตูอัตโนมัติ และเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อ
ผู้ขับขี่ กระทืบเบรกฉุกเฉินกระทันหัน
ชุดมาตรวัด เหมือนกัน 320d พื้นสีดำ ตัวเลข ตัวอักษร สีขาว และส่องสว่างเป็นสีแดง เมื่อเปิด
ไฟหน้าตอนกลางคืน มาตรวัดความเร็วฝั่งซ้าย มาตรวัดรอบ อยู่ฝั่งขวา มีมาตรวัดปริมาณน้ำมัน
เชื้อเพลิง อยู่ฝั่งซ้าย และมาตรวัดอุณหภูมิน้ำในระบบหล่อเย็น (หม้อน้ำ) ทางฝั่งขวาสุด ทั้ง 4 วง
ล้อมรอบด้วยกรอบโครเมียม มีจอ On-Board Computer ตรงกลาง และจอความละเอียดสูง ซึ่ง
มีรายละเอียดเหมือนับ จอ ของ 320d ทุกประการ
ความแตกต่างเดียวที่ชัดเจนคือ มาตรวัดรอบของรุ่น เครื่องยนต์ เบนซิน จะเพิ่มตัวเลขรอบของ
เครื่องยนต์ มาให้ จนถึงขีดล่างสุดที่ 8,000 รอบ/นาที แค่นั้น!
กล่องเก็บของพร้อมฝาปิด Glove compartment มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนิดนึง ไม่เยอะนัก พอให้
ใส่ชุดคู่มือผู้ใช้รถ และเอกสารประจำรถอีกนิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้ายกทั้งหมดออกมา ก็น่าจะใส่ปืน
ได้สัก 1 กระบอก
ใต้แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใกล้กับคันเกียร์ จะมีถาดยางสังเคราะห์กันลื่นไว้ใส่ของจุกจิก
แต่สามารถยกถอดออก เพื่อใช้เป็นช่องวางแก้วหรือกระป๋องน้อัดลมได้ 2 ตำแหน่ง ถาดดังกล่าว
สามารถยกไปเสียบเก็บไว้กับตาข่ายในช่องเก็บของ Glove compartment ถัดขึ้นไป เป็นช่องวาง
ของ พร้อมฝาปิด และช่องเสียบจ่ายไฟฟ้า สำหรับปลั๊กชาร์จโทรศัพท์เคลื่อนที่
เครื่องปรับอากาศ ทุกรุ่น เป็นแบบ อัตโนมัติ แยกฝั่ง ซ้าย – ขวา พร้อมช่องแอร์ สำหรับผู้โดยสาร
ด้านหลัง ติดตั้งอยู่ด้านหลังกล่องคอนโซลกลาง ถ้าคุณคิดแค่ต้องการปรับอุณหภูมิเพียงอย่างเดียว
แค่หมุนสวิชต์ที่ยื่นออกมา ฝั่งใครฝั่งมัน ใช้งานง่ายดาย แต่ถ้าต้องการจะลดความแรงของพัดลม
แอร์แล้ว อาจต้องใช้นิ้วคลำ หรือไม่ก็ต้องลดสายตาลงมาจากถนน เพื่อมองหาสวิชต์พัดลม ที่อยู่
ตรงกลาง และมีขนาดเล็ก ไม่ได้เด่นสะดุดตามากพอให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยนัก น่าจะมีการ
ปรับปรุงแก้ไขในจุดนี้อีกสักหน่อย ให้สวิชต์พัดลม คลำใช้งานได้ง่ายกว่านี้
ทั้ง 320i และ 328i ติตตั้ง หน้าจอมอนิเตอร์ Freestand ขนาด 8.8 นิ้ว ซึ่งสามารถแสดงผลให้กับ
ชุดเครื่องเสียง เครื่องปรับอากาศ รวมทั้ง ระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS ทั้งแบบแผนที่ธรรมดา
หรือ 3 มิติ พร้อมภาพกราฟฟิก แสดงอาคารสถานที่ในบริเวณโดยรอบใกล้เคียงได้ รวมทั้งยังมี
“คู่มือผู้ใช้รถ” แบบ Interactive ฝังมาให้ในระบบเสร็พสรรพ ทั้งหมดนี้ สามารถแสดงผลได้ทั้ง
แบบจอเต็ม หรือจอแบบแยกฝั่งซ้าย – ขวา Spilt Screen
รวมทั้ง ระบบสื่อสาร BMW ConnectedDRIVE เชื่อมต่อ 3-Series ของคุณ เข้ากับโทรศัพท์มือถือ
Smart Phone ได้ผ่านทาง Bluetooth โดยมี BMW Apps ช่วยให้คุณสามารถใช้ Facebook ,
Twitter หรือเช็ค E-Mail จากโทรศัพท์ของคุณ ผ่านทางหน้าจอมอนิเตอร์ ได้อย่างง่ายดาย
ทุกรุ่นมีเซ็นเซอร์ กะระยะขณะถอยหลังเข้าจอดรอบคัน PDC (Parking Distance Control) แสดงผล
ทั้งด้วยภาพ Graphic บนหน้าจอมอนิเตอร์ตรงกลาง หรือเสียงเตือน ที่สามารถปรับเพิ่มหรือลดเสียง
อันน่ารำคาญมาก ได้ตามใจคุณ ต้องเข้าไปปรับแก้ในโหมด Settings แต่ในรุ่น 328i จะเพิ่มกล้อง
มองจากด้านหลัง พร้อมแนวเส้นกะระยะ ที่หักเหได้ตามการหมุนพวงมาลัย ช่วยให้คุณกะระยะ
ขณะถอยเข้าจอดได้ง่ายขึ้นเยอะ
ชุดเครื่องเสียงของ 320i ยังคงเป็นชุดเครื่องเสียง BMW Professional เหมือนกับ 320d มีทั้ง
วิทยุ AM/FM พร้อมเครื่องเล่น CD / MP3 1 แผ่น 6 ลำโพง มี Harddrive สำหรับเก็บข้อมูลของ
แผนที่ สำหรับระบบนำทาง และสามารถสั่งให้รถ Save ไฟล์เพงจาก CD ลงใน HDD ของรถได้
ส่วนแผงสวิชต์ที่เรียงกันหมายเลข 1-8 นั้น หากคุณลองเอานิ้วไปแตะ ยังไม่ต้องกดลงไป แต่รูดเลื่อน
เฉยๆ จะเห็นแถบเมนูด้านบนจอมอนิเตอร์ ค่อยๆ โผล่แบบป๊อปอัพขึ้นมา แสดงว่า ปุ่มนั้น ณ หน้าจอนั้น
จะทำหน้าที่อะไร เปลี่ยนคลื่นวิทยุเป็นช่องไหน เพื่อลดการละสายตาลงต่ำมากเกินไป คุณสามารถตั้งค่า
ได้เอง แต่ต้องอ่านวิธีการตั้งค่าในคู่มือ คุณภาพเสียง ไม่แตกต่างจาก 320d เลย ถือว่า เหมือนกันเป๊ะ
จัดอยู่ในเกณฑ์ ใช้ได้ ค่อนข้างดี แต่ยังไม่ถึงกับดีที่สุด
แต่ในรุ่น 328i ชุดเครื่องเสียง BMW Professional Hi-Fi ขนาด 205 Watt พร้อมลำโพง 9 ชิ้น
ผมก็ยังยืนยันว่า ให้คุณภาพเสียง ไม่ได้แตกต่างไปจากรุ่น 320i และ 320d เท่าใดเลย ช่วงเสียงกลาง
แอบจะบี้แบนกว่ากันนิดนึงด้วยซ้ำ ในบางแผ่น CD ที่ทดลองฟัง
ชุดเครื่องเสียงของทั้ง 2 รุ่น เชื่อมต่อกับเครื่องเล่น iPod หรือ iPhone ได้ผ่านช่องเสียบ USB / AUX
สามารถเล่นเพลงจาก USB Memory Stick หรือ iPod ได้ และระบบ Bluetooth Hands Free เพื่อใช้
ร่วมกับฟังก์ชันโทรศัพท์ในขณะขับรถได้ ซ่อนอยูในช่องเก็บของที่เก็บอะไรไม่ได้นอกจากโทรศัพท์
เคลื่อนที่ หรือ iPhone กับข้าวของสารพัดตระกูล Apple นั่นเอง ฝาปิดด้านบน ก็ยากต่อการเลื่อน
ขึ้นหน้า – ถอยหลัง เพื่อปรับตำแหน่งการวางแขน เหลือเกิน ทั้งที่พอวางจริงแล้ว ก็วางได้ดี
ด้านทัศนวิสัย ขอไม่ฉายหนังซ้ำอีก ทุกมุมมอง ทุกจุดอับจุดบอด มันก็เหมือนกับ ในรีวิว 320d ไม่มีผิด!
********** รายละเอียดทางวิศวกรรม และการทดลองขับ **********
ในสมัยก่อน เราอาจจะรับรู้กันมาว่า สำหรับ ตัวเลข 3 หลักที่บอกถึงรุ่นรถยนต์ของ BMW นั้น
เลขตัวแรก หมายถึง รุ่นรถยนต์ และขนาดของตัวรถ ส่วน เลข 2 ตัวหลัง จะหมายถึงความจุ
กระบอกสูบเครื่องยนต์
แต่ในช่วง เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แนวคิดดังกล่าว ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะปัจจุบันนี้ แม้ว่าเลข
นำหน้าจะยังคงบอกถึงรุ่นและขนาดตัวรถยนต์ แต่ เลข 2 ตัวหลัง กลับหมายถึง พละกำลังที่
เครื่องยนต์ในรถคันนั้น แรงได้เทียบเท่า!
เพราะปัจจุบันนี้ BMW เป็นผู้ผลิตรถยนต์อีกรายหนึ่ง ซึ่งกำลังมุ่งเน้นพัฒนาเครื่องยนต์
ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Downsizing คือทำอย่างไรก็ได้ ที่จะลดขนาดความจุกระบอกสูบ
ลงมา แต่ว่าต้องได้พละกำลังเทียบเท่ากับเครื่องยนต์บล็อกเดิมของตน
N20B20 เป็นเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบเรียงรุ่นใหม่ ที่ติดตั้งในรถยนต์รุ่นออกจำหน่ายจริง
ครั้งแรกในช่วงปี 2011 เป็นเครื่องยนต์ที่ มาแทน ขุมพลัง 6 สูบเรียง ไม่มีระบบอัดอากาศ
ตระกูล N52 และ N53 ด้วยเหตุผลที่ว่า ขุมพลังใหม่ ถูกออกแบบปรับปรุง ให้มีสมรรถนะ
เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ทั้ง 2 รุ่นเดิม ด้วยการลดแรงเสียดทาน ในระบบ ติดตั้ง
เทคโนโลยีระบบแปรผันวาล์ว VALVETRONIC รวมทั้ง ออกแบบให้ห้องเผาไหม้เป็น
แบบ Direct Injection หัวฉีด ยิงส่วนผสมของไอดีและน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ และ
ติดตั้งระบบอัดอากาศ Turbo แบบ Twin Scroll ซึ่ง มันก็คือ Turbo แบบมี โข่งไอเสีย
หรือ Turbine Housing แบบ 2 ช่อง หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้าน
ก็คือ “Turbo แบบ รูดูดคู่” นั่นเอง!
การผนวกเทคโนโลยีทั้ง 3 แบบนี้ BMW เล่นเอามาโฆษณาว่าเป็น TwinPower Turbo
ซึ่งชวนให้เกิดความเข้าใจไขว้เขวอย่างมาก หลายคนเข้าใจว่า ติดตั้ง Twin Turbo หรือ
Turbo 2 ลูก ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ ผิด! จริงๆแล้ว ก็คือ ระบบ Direct Injection แถม
ติดตั้ง Turbo แบบ รูดูดคู่ กับ ระบบแปรผันวาล์ว Valvetronic 2 เทคโนโลยี ที่รวมกัน
เป็น Twin Power นั่นเอง!
(ชาว BMW ที่รัก อย่าเพิ่ง เห่อเทคโนโลยี Turbo Twin Scroll นี้มากจนเกินเหตุ เพราะว่า
มันเคยถูกนำมาใช้กับรถญี่ปุ่น อย่าง Toyota Celica GT-Four เมื่อ 10 กว่าปีก่อน มาแล้วจ้ะ!)
ในตลาดเมืองไทย ก็เหมือนกับตลาดโลก ขุมพลัง N20B20 ถูกนำมาติดตั้งให้กับตระกูล
3-Series ใหม่ เป็นครั้งแรก ทั้ง 320i และ 328i โดย มีความแตกต่างกัน ที่ตัวเลขพละกำลัง
ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการปรับจูนกล่องสมองกล ECU ของเครื่องยนต์ด้วยส่วนหนึ่ง และ
รายละเอียดความแตกต่างภายใน ที่ BMW ไม่ได้บอกให้เรารู้ และถึงถามใคร ก็แทบจะ
ไม่มีใครรู้กันเลย แม้แต่คนใน BMW Thailand ด้วยอีกส่วนหนึ่ง
320i วางเครื่องยนต์ N20B20 บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,997 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก
90.1 x 84.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1 หัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ Direct Injection
พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VALVETRONIC และ Turbocharger แบบ Twin Scroll กำลัง
สูงสุด 184 แรงม้า (HP) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร ( 27.51 กก.-ม.)
ที่ รอบตั้งแต่ 1,250-4,500 รอบ/นาที (แรงบิดมาถึงต่อเนื่อง เป็นแบบ Flat Torque )
สมรรถนะจากโรงงานระบุว่า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ ใน 7.3 วินาที ประหยัด
น้ำมันเบนซิน เฉลี่ย 16.9 กิโลเมตร/ลิตร และปล่อยไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 138 กรัม/
กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU)
แรงม้า เท่ากับ 320d ปล่อย CO2 ใกล้เคียง ECO Car 1.2 ลิตร บ้านเรา…ไม่เลวเว้ยเฮ้ย!
ส่วน 328i จะวางเครื่องยนต์ N20B20 บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,997 ซีซี กระบอกสูบ x
ช่วงชัก 90.1 x 84.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1 หัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ Direct Injection
พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VALVETRONIC และ Turbocharger แบบ Twin Scroll ถูกปรับแต่ง
พละกำลัง ให้สอดรับกับฐานภาษีนำเข้ารถยนต์ในเมืองไทย จนทำให้กำลังสูงสุดลดลงมาจากเดิม
245 แรงม้า (HP) เหลือ 218 แรงม้า (HP) ที่ 4,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร
(35.66 กก.-ม.) ที่ รอบตั้งแต่ 1,250-4,250 รอบ/นาที (แรงบิดมาแบบ Flat Torque เช่นกัน)
สมรรถนะจากโรงงานระบุว่า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ ใน 6.4 วินาที ประหยัด
น้ำมันเบนซิน เฉลี่ย 15.9 กิโลเมตร/ลิตร และปล่อยไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 147 กรัม/
กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU)
ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ ZF 8HP ของ ZF Friedrichshafen โดยใน
3-Series ใหม่ รุ่น F30 ทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ จะได้ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
รุ่น ZF 8HP45 อันเป็นเวอร์ชันที่รองรับแรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์เบนซินได้ 450 นิวตันเมตร
และ เครื่องยนต์ Diesel ได้ 500 นิวตันเมตร
คันเกียร์ไฟฟ้าของ 320d เป็นแบบเดียวกับ รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ของ BMW ทุกรุ่นในตอนนี้ คือ
มีโหมด บวก-ลบ มาให้ ที่คันเกียร์ หน้าตาเหมือน Joystick (แท่งหรรษา) อัตราทดเกียร์มีดังนี้
เกียร์ 1…………………………..4.714
เกียร์ 2…………………………..3.143
เกียร์ 3…………………………..2.106
เกียร์ 4…………………………..1.667
เกียร์ 5…………………………..1.285
เกียร์ 6…………………………..1.000
เกียร์ 7…………………………..0.839
เกียร์ 8…………………………..0.667
เกียร์ถอยหลัง…………………3.295
อัตราทดเฟืองท้าย…………..2.813
เฉพาะรุ่น 328i จะมีแป้น เปลี่ยนเกียร์ที่้านหลังพวงมาลัย หรือ Paddle Shift มาให้
ส่วนรุ่น 320i และ 320d จะไม่มีมาให้
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ขุมพลังเบนซินใหม่ ยังมาพร้อมกับ ระบบ Auto Start/Stop เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เมื่อใดที่คุณขับรถมาสักพักหนึ่ง แล้วเหยียบเบรกจอดรอสัญญาณไฟ ให้รถจอดสนิท เครื่องยนต์จะ
ตัดการทำงาน เช่นเดียวกับคอมเพรสเซอร์แอร์ จนกว่าจะถอนเท้าจากแป้นเบรก หรือเมื่ระบบแอร์
จำเป็นต้องเริ่มทำงานอีกครั้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิในห้องโดยสารตามที่คุณปรับตั้งไว้ เครื่องยนต์จึง
จะติดขึ้นมาทำงานอีกครั้ง
อันที่จริงระบบนี้ ถือว่าทำงานได้ดี และช่วยประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องเดินเครื่องยนต์ทิ้งไว้ตอนรถติด
แต่ในเมื่อมันทำงานค่อนข้างถี่พอสมควร บางคนอาจรำคาญได้ ส่วนใครที่ยังใหม่กับระบบนี้ ก็อาจ
ตกใจได้ว่า ทำไมเหยียบเบรกปุ๊บ รถจอดสนิท เครื่องดับทันที รถฉันเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ก็ขอได้
อย่าตกใจไปครับ เป็นการทำงานของระบบ Auto Start/Stop ตามปกตินั่นเอง
แต่ถ้าคาญหงุดหงิดใจ จนทนไม่ไหว ก็กดสวิชต์เปิด – ปิดระบบการทำงานได้ เป็นรูปตัว A ที่ลูกศร
วนครอบจากซ้ายไปขวา อยู่เหนือกับสวิชต์ติดเครื่องยนต์ เท่านี้ ก็สิ้นเรื่อง
นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ Driving Experience Control Switch ให้เลือกได้ 3 โหมดในรุ่น
Modern และ Luxury คือ ECO PRO เน้นการขับขี่แบบประหยัด คันเร่ง/ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า จะ
เปิดให้อาการเข้า แบบหรี่ๆ น้อยกว่าปกติ เครื่องปรับอากาศ ทำงานเบากว่าปกติ และมี Tip
สำหรับการขับประหยัดน้ำมันมาให้ลองทำดู พร้อมกราฟแสดงผล
โหมด Comfort เป็นการขับขี่แบบปกติ และ Sport ปรับคันเร่งให้ตอบสนองไว และลากรอบเกียร์
ขึ้นไปรอไว้ในระดับ เกินกว่า 2,000 รอบ/นาที ขึ้นไป เพื่อพร้อมให้คุณเหยียบคันเร่งพุ่งทะยาน
ได้ตลอดเวลา แต่ในรุ่น 328i Sport จะเพิ่ม โหมด Sport + มาให้ เหมือน 320d Sport คือจะปิด
ระบบควบคุมการลื่นไถลล้อหมุนฟรี Traction Contraol ไปเลย ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับสัญชาติญาณ
ของคนขับ ระบบจะช่วยทำงานเพภียงแค่ส่วนหนึ่งเท่าที่จำเป็น
รายละเอียดเพิ่มเติมของระบบนี้ อ่านได้ในบทความ รีวิว BMW 320d F30 คลิกที่่นี่
สมรรถนะจะเป็นอย่างไรนั้น เรายังคงจับเวลากันในตอนกลางคืน นั่ง 2 คน เปิดแอร์ เปิดไฟหน้า
และผลที่ได้ เมื่อเทียบกับ เพื่อนฝูงร่วมตระกูล มีดังต่อไปนี้
หลังจากเห็นตัวเลขแล้ว คิดอย่างไรกันบ้างครับ? ผิดคาดไหมละ?
ถ้าเปรียบเทียบตัวเลขทั้งหมด จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนว่า ในเกมจับเวลาหาอัตราเร่ง
328i เอาชนะพี่น้องร่วมตระกูลทุกคันได้ทั้งหมด แบบไม่ต้องสืบกันอีก ที่สำคัญก็คือ 328i
ทำตัวเลขอัตราเร่ง ได้เร็วกว่า 320i ถึง 1 วินาที ในทั้ง 2 เกม ในทางวิศวกรรมรถยนต์แล้ว
ตัวเลขที่ต่างกัน 1 วินาทีนั้น ถือว่ามีความหมายเลยทีเดียว นั่นหมายถึงโอกาสรอดขณะที่
ต้องเร่งแซง ในภาวะคับขัน จะมีเพิ่มมากขึ้นอีกชั่วขณะหายใจ
ตัวเลขจากจุดหยุดนิ่ง – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 328i ทำได้นั้น เทียบได้กับ Skoda Fabia RS
และขาดอีกเพียง 0.2-0.3 วินาที ก็จะเท่ากันกับ Volkswagen Golf GTi แต่ในเกมจับเวลาช่วง
เร่งแซง 80 – 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง งานนี้ 328i ชนะเลิศ แซงหน้า Golf GTi และ Volkswagen
Scirocco ไปอย่างสบายๆ!
แต่ 320i ก็ทำตัวเลขออกมาไม่ขี้เหร่เลย หนำซ้ำ ยังเฉือน 320d ไป 0.5 วินาที ในเกมจับเวลา
0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ประมาณ 0.7 วินาที แต่ในเกมเร่งแซง 80 – 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
320i ทำเวลาได้ดีกว่า 320d เพียงแค่ 0.06 วินาที เฉือนกันไปเพียงแค่ปลายขนจมูกเท่านั้น!
เท่ากับว่า ตอนนี้ คุณผู้อ่านคงได้ข้อสรุปใหม่กันแล้วนะครับว่า คราวนี้ ขุมพลังเบนซิน ของ
BMW 3-Series ใหม่ เอาชนะ เครื่องยนต์ Diesel Turbo Common-Rrail ได้สำเร็จ แต่ก็เฉือน
ไปเพียงแค่เศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น ถ้าคันเร่งของ 320d ในโหมด Comfort ทำงานช่วงออกตัว
เร็วกว่านี้อีกนิดนึง เราจได้เห็นตัวเลขออกมา เท่าๆกันแน่ๆ เพราะงานนี้ ผมมองว่า ผลของ
การแพ้ชนะ ในคู่ 320i กับ 320d มันอยู่ที่แค่ การตอบสนองของคันเร่ง เท่านั้นเลย
ส่วนความเร็วสูงสุด นั้น เพื่อให้หายสงสัย จึงบันทึกภาพมาให้ดู และต้องขอเรียนเน้นย้ำ
ชี้แจงกันไว้ตรงนี้ว่า การทำความเร็วสูงสุดของเรา มีขึ้นเพื่อ “ประโยชน์ในด้านการศึกษา”
เท่านั้น เพื่อเป็นตัวเลขในการอ้างอิง และเพื่อให้คุณผู้อ่าน ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตไปลองกันเอง
ตามถนนสาธารณะที่อื่นอีก ดังนั้น ไม่ควรให้นำไปลองทำหรือนำไปเป็นแบบอย่างโดย
เด็ดขาด เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ไม่คุ้ม
กันเลย เราทำความเร็วสูงสุด ให้คุณได้ดูกันแล้ว ก็ขอให้ใช้ตัวเลขนี้ เป็นอันสิ้นสุด
แต่ในการขับขี่จริง 320i จะมีแรงดึงกระชากจนแผ่นหลังของคุณติดเบาะ น้อยกว่า 320d
(และแน่นอนครับ น้อยกว่า 328i) ที่แน่ๆ ทั้ง 3 รุ่นนั้น เมื่อเหยียบคันเร่ง จมมิด ยังคงต้อง
รอในช่วงเสี้ยววินาทีสั้นๆ ให้รถพุ่งออกตัวไป อย่างนุ่มนวล ต่อเนื่อง ชดเชยด้วยเสียง
เครื่องยนต์ในรอบกลางๆ และรอบสูงๆ ที่หวานไพเราะเสนาะหู กว่า 320d ชัดเจน การ
เรียกอัตราเร่งแซงมาใช้ในช่วงเวลาปกติ คุณจะพบการตอบสนอง อย่างทันอกทันใจ
(ยังไม่ถึงขั้นฉับพลัน) ช่วงเสี้ยววินาทีที่ไวกว่า หมายถึงแรงบิดของเครื่องยนต์ มารอ
อยู่ในแทบทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ พร้อมให้คุณ เรียกมาใช้งานได้ทุกเมื่อ
ถามผมว่า เพียงพอไหม ตอบได้เลยว่า พอแล้ว และถ้าคุณคิดว่าพอแล้ว ก็อย่าได้คิด
ไปลองขับ 328i ต่อ เลยเชียวละ! เดี๋ยวจะเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องขึ้นมาดื้อๆ!
เพราะ 328i มีพละกำลังมากกว่า ดังนั้น แรงดึงจากจุดหยุดนิ่ง จึงเพิ่มจาก 320i ชัดเจน
ยิ่งถ้าในช่วงที่คุณคิดจะเร่งแซงด้วยแล้วละก็ เหยียบคันเร่งเท่าไหร่ ก็จะเพิ่มความเร็ว
ให้ตามนั้น อัตราเร่งแซง ได้อย่างใจ ทันท่วงทีทุกจังหวะที่คุณต้องการ แถมพกมาด้วย
ความสะใจแบบพอให้อะดรินาลีนหลั่งได้ (แต่สำหรับคนที่ไม่เคยขับรถแรงๆมาก่อน
อาจจะกรี๊ดสนั่น) เพียงแต่ว่า ถ้าคุณหงุดหงิดกับนิสัยของ คันเร่ง ในโหมด Comfort
ขอแนะนำว่าให้ปรับสวิชต์ไฟฟ้าไปยังโหมด Sport เสียก่อน
คันเร่ง ของทั้ง 320i และ 328i ตอบสนอง เหมือน 320d คือ ถ้าอยู่ในโหมด ECO PRO
ทำใจได้เลยครับว่า คอมพิวเตอร์จะสั่งหน่วงการตอบสนองคันเร่งให้ช้าลง เพื่อให้เจ้า
ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า เปิดให้อากาศไฟลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ น้อยกว่าปกติ เน้นประหยัด
น้ำมันเป็นหลัก พออยู่ในโหมด Comfort ก็จะตอบสนองไวขึ้นมาอีกนิดนึง ต้องลอง
จับสังเกตจริงจัง ถึงจะพบความแตกต่าง แต่พอเข้าโหมด Sport (และ Sport + ในรุ่น
328i) คันเร่งนี่ ไวผิดหูผิดตา ตอบสนองแบบเกือบๆ ถวายชีวิตกันเลยทีเดียว สั่งให้
เร่งแค่ไหน ต้องการความเร็วแค่ไหน ก็ทำงานให้ตามนั้น ไม่ขาดไม่เกิน
ยิ่งมาเจอกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จาก ZF ลูกนี้ด้วยแล้ว ผมกับ Commander
CHENG หรือตาแพน เราถึงกับต้องตั้งคำถามเลยว่า ถ้าในเมื่อ เกียร์อัตโนมัติแบบ
ที่ใช้ Torque Converter ยังสามารถพัฒนาให้มีการเปลี่ยนเกียร์ที่เนียน ไร้รอยต่อ
ได้ขนาดนี้ แล้วเรายังจะต้องการเกียร์อัตโนมัติ ประเภท Dual Clutch หรือ DSG
กันไปอีกเพื่ออะไร?
เพราะการเปลี่ยนเกียร์ที่ Smooth การเรียงอัตราทดมาอย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่ม
อรรถรสในการขับขี่ และการเรียกพละกำลังออกมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และ
สม่ำเสมอ
ถ้าคุณเป็นคนชอบขับรถเป็นชีวิตจิตใจ รักความแรง และไม่มีใครขวางการใช้เงิน
ของคุณได้แน่ๆ ไปหา 328i ได้เลย มันสะใจ และทันเท้าคุณมากกว่าแน่ๆ แต่
อาจต้องระมัดระวังในการเหยียบคันเร่งนิดนึง ไม่ใช่สักแต่ว่าเหยียบเอาๆ เพราะ
แรงดึงที่เกิดขึ้น มันแอบน่ากลัว สำหรับคนที่ไม่ได้คุ้นชินกับรถยนต์สมรรถนะสูงๆ
มาก่อน ขอเตือนไว้ตรงนี้เลย ว่าอีกนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม ขอทิ้งหมายเหตุไว้หน่อยว่า ใน 328i คันที่เราทดลองขับกัน เวลา
เข้าเกียร์ถอยหลัง จะมีเสียงหอนจากเกียร์ดังมาก และดังถี่ขึ้นตามความเร็วของ
การถอยหลังที่เพิ่มขึ้น แสดงว่า ก่อนหน้าเรา น่าจะโดนซัดมาเยอะแล้วแน่ๆ
การเก็บเสียงลมด้านข้าง ของรถรุ่นประกอบในประเทศ ก็ยังคล้ายกันกับรถนำเข้า
จากเยอรมัน ผมยังพบเสียงกระแสลมไหลผ่าน ดังที่บริเวณ ขอบกระจกดหน้าต่าง
ฝั่งซ้ายด้านบน ของทั้ง 320i และ 328i ดังชัดเจนอยู่ดี ขณะแล่นด้วยความเร็วระดับ
120 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสียงกระแสลมไหลผ่านจะค่อยๆดังขึ้น อีกครั้งที่ความเร็ว
150 กิ โลเมตร/ชั่วโมง และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบ Step up คือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแบบ
ก้าวขึ้นบันได ไปจนถึงความเร็วสูงสุดของรถแต่ละคัน
และในช่วงความเร็วสูงๆ ผมพบว่า อาการเครื่องยนต์สั่นสะเทือน เกิดขึ้นมาก
กว่าที่เคยพบใน 3-Series รุ่น E90 นิดนึง
ระบบบังคับเลี้ยว ยังคงเป็น พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน แต่ใช้ระบบผ่อนแรง
แบบกลไกไฟฟ้า EPS (Electromechanical Power Steering System) พร้อมระบบ
Servotronic Speed Sensitive Power Assist ซึ่งก็ยังคงใช้ชุดแร็คแบบกลไก แต่เพิ่ม
มอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยผ่อนแรงหมุนพวงมาลัย เข้าไป
ส่วนในรุ่น 328i จะพิเศษขึ้นมากว่าพี่น้องร่วมตระกูล ด้วยระบบแปรผันวงเลี้ยวตาม
การหมุนของพวงมาลัย (Variable sport steering) ซึ่งถ้าคุณหักเลี้ยวพวงมาลัยไม่มาก
พวงมาลัยก็จะเลี้ยวแค่นิดเดียว ไปตามการขับขี่บนทางโค้ง แต่ถ้าหมุนพวงมาลัยใน
ช่วงความเร็วต่ำ เพื่อเข้าจอด ล้อจะเลี้ยวเพิ่มจนสุด เพียงแค่คุณหมุนพวงมาลัยจนสุด
เพียง 1 รอบหมุนเท่านั้น เป็นระบบที่เคยมีมาแล้วในรุ่น 5-Series ทั้ง E60 และ F10
ใหม่ล่าสุด (มีเป็นบางรุ่นย่อย)
การตอบสนองในภาพรวม ก็เหมือนับพวงมาลัยของ 320d นั่นละครับ คือแม่นยำ
เบาขึ้นกว่าเดิม แต่ยังหนืดและหนักกว่าพวงมาลัยของ X3 ใหม่ อยู่ดี และไว้ใจได้
ระยะฟรี มีอยู่นิดนึง ไม่เยอะนัก แต่พวงมาลัยก็ไม่ได้ตอบสนองแบบคมกริบแบบ
พวงมาลัยรถแข่ง กระนั้น การบังคับเลี้ยวก็ทำได้ฉับไวพอสมควร ในย่านความเร็วต่ำ
และยังให้ความนิ่งมั่นใจได้ในย่านความเร็วสูง ปล่อยมือจากพวงมาลัยได้แม้จะใช้
ความเร็วระดับ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยมีข้อแม้ว่า พื้นถนนต้องเรียบสนิท ไม่เป็น
คลื่น wave
เพราะหากพื้นถนนเป็นอย่างที่บอกเมื่อไหร่ คุณก็จะพบอาการพวงมาลัยดิ้นซ้ายๆ
ขวาๆ ตามแนวพื้นถนนที่เป็นลอนคลื่น ซึ่งอาจต้องใช้สมาธิในการควบคุมรถเพิ่ม
มากขึ้น ในกรณีที่ใช้ความเร็วสูงเกิน 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนถนนลักษณะดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผมตั้งข้อสังเกตว่า พวงมาลัยของ 320i นั้น เมื่อคุณใช้ความเร็ว เกินกว่า
180 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป กลับนิ่ง และให้ความมั่นใจได้ดีกว่า 320d ชัดเจน ทั้งที่
จริงๆแล้ว การปรับตั้งค่าต่างๆ แทบไม่มีอะไรต่างกันเลย! ต่อให้คุณปล่อยพวงมาลัย
ที่ความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง สั้นๆ 5 วินาที รถก็ยังพุ่งตรงแหน่ว ไม่มีเป๋ ไม่ออก
อาการ ไม่ก่อให้เกิดความหวาดเสียวใดๆเลย! ผิดจาก 320d คันสีแดงที่เคยขับมานิดนึง
ส่วน 328i นั้น การใช้พวงมาลัย Variable sport steering เพิ่มเข้ามา ก็ช่วยให้การเลี้ยว
เข้าจอดรถ ทำได้สะดวกขึ้นนิหน่อย อาจต้องปรับความคุ้นชินขณะขับขี่ช่วงแรกๆ
แต่เมื่อคุ้นเคยแล้ว คุณจะพบว่า มันให้ประโยชน์ได้ดี ถ้าต้องหักเลี้ยวกลับรถ หรือ
ถอยหลังเข้าจอดรถ แต่ถามว่า จำเป็นต้องมีหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่จำเป็น!
ระบบกันสะเทือน ของ ทั้ง 2 รุ่น ยังอยู่บนพื้นฐานเดียวกันกับ 3-Series F30 รุ่นอื่นๆ
ด้านหน้าเป็นแบบ สตรัต พร้อมสปริงแบบ Aluminium double-joint displaced camber
camber , small positive steering roll radius, anti-dive ขณะที่ด้านหลังเป็นแบบ 5 จุดยึด
หรือ 5 link ที่ใช้โครงสร้างน้ำหนักเบามาผลิต
และถ้าใครสงสัยว่า ทั้ง 320i และ 328i เซ็ตช่วงล่าง ให้หนึบขึ้น แข็งขึ้นกว่าพี่ๆน้องๆ
ที่เหลือด้วย หรือไม่? ผมตอบให้ตรงนี้เลยก็ได้ครับว่า…
“มันก็นิ่มเหมือนกับ 320i และ 320d ไม่มีผิด!”
ใช่ครับ ระบบกันสะเทือนของ F30 รุ่นปี 2012 – 2013 เวอร์ชันไทย เซ็ตมาแนวนุ่มออกนิ่ม
เหมือนกันเป๊ะหมดทุกรุ่นเลย ไม่ต่างกัน!!!
จริงอยู่ว่า ช่วงล่าง ตอบสนองเหมือน 320d ไม่มีผิด ขณะขับขี่ในเมือง คุณจะสัมผัสได้
กับความนุ่มสบาย และแน่นกำลังดี ในแบบที่ บรรดา Mercedes-Benz Lover หลายคน
จะรักและชื่นชอบกันเลยทีเดียว
(ครับ เขียนไม่ผิดหรอก)
เพราะการดูดซับแรงสะเทือน บนพื้นผิวตะปุ่มตะป่ำ นุ่มนวลผิดวิสัย BMW ทั่วไปที่ผมเคย
เจอมา บนทางหลวงแผ่นดินบางสาย ที่พื้นผิวถนนพังทลายคล้ายใบหน้าท้าวแสนปม ผม
แทบจะรูดเลนซ้าย กันได้เลย อีกนิดเดียว ก็จะนุ่มจนคล้ายกับ Volvo หลายๆรุ่นแล้วนะนั่น!
แต่ในช่วงความเร็วสูงนั้น แม้จะยังใหความมั่นใจได้อยู่ ก็ต้องมีหมายเหตุไว้ที่มุมขวาล่าง
ของหน้ากระดาษกันด้วยว่า พื้นผิวถนนต้องเรียบสนิท เท่านั้น เพราะถ้าเป็นพื้นผิวทาง
ที่มีลักษณะเป็นลอนคลื่นละก็ ช่วงล่างจะเริ่มออกอาการยวบยาบ มาให้สัมผัสกันทันที!
มันยังมีความดิบเหลือยู่นะ แต่ อาการที่พบส่วนใหญ่ มันกระเดียดไปในทางนุ่มขึ้น
มากกว่า ในทางตรง ยังมั่นใจอยู่ เหมือนเดิม การเก็บอาการจากพื้นถนน จงใจให้
เกิดความนุ่มนวลมากขึ้นจนแทบอยากจะใช้คำว่า นิ่มขึ้น มากกว่าคำว่า นุ่มขึ่น
ขณะเข้าโค้ง ด้วยความเร็วระดับ 80 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในหลายรูปแบบบน
ทางด่วน นั้น รุ่น 320i ตอบสนองไม่ต่างจาก 320d เลย ขณะที่ 328i ได้ยางติดรถ
พร้อมล้อ 18 นิ้ว มาช่วยเสริมการยึดเกาะให้มั่นใจมากขึ้นอีกนิดหน่อย ทำให้ผม
พอจะพา 328i มุดออกจากโค้งรูปเคียวขวา เหนือมักกะสัน ได้ที่ความเร็ว 100
กิโลเมตร/ชั่วโมง แซง Vios สีดำ แต่งซิ่งที่อยู่ในเลนขวา ได้สบายๆ โดยที่ท้าย
ก็เกือบจะออกอาการนิดๆ แต่ยังไม่เกิน Limit ของรถแต่อย่างใด
กระนั้น ผมมองว่า ขณะที่ 328i นั้น ปวรณาตัวเองให้เป็น Driver’s Car มากกว่าพี่น้อง
คันอื่นในตระกูล ดังนั้น ลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นนี้ จึงมักมีแนวโน้มที่จะขับรถเร็ว กว่ามนุษย์มนา
ทั่วไป และช่วงล่างแบบปกตินี้ จะช่วยให้เดินทางท่ามกลางสภาพการจราจรติดขัดของ
กรุงเทพฯ ได้อย่างสบายๆ เท่านั้น เพราะถ้าต้องใช้ความเร็วสูงเกินกว่า 160 กิโลเมตร/
ชั่วโมงขึ้นไป ผมมองว่า ช่วงล่างแบบนี้ นิ่มเกินไป ที่จะรองรับความโหดจากตีนขวา
เจ้าของรถได้แน่ๆ
ผมยังยืนยันความเห็นเดิมว่า ช่วยเอาช่วงล่าง Sport Suspension มาให้เป็นทางเลือก
เอาใจ ลูกค้ากลุ่มเท้าขวาหนัก เสียหน่อยก็จะโดนเสียงบ่นก่นด่าน้อยกว่านี้เยอะ!
ระบบห้ามล้อยังคงเป็น ดิสก์เบรกแบบมีรูระบายความร้อนมาให้ทั้ง 4 ล้อ พร้อมกับสารพัดผู้ช่วย ทั้ง
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ( Anti-Lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรกตามน้ำหนัก
บรรทุก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเพิ่มแรงเบรกในภาวะฉุกเฉิน BA
Brake Assist ทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพ DSC (Dynamic Stability Control)
ซึ่งมี ระบบควบคุมล้อฟรีขณะออกตัวหรือบนถนนลื่น DTC (Dynamic Traction Control) ระบบ
ควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง CBC Cornering Brake Control และระบบ DBC
Brake Assistant รวมอยู่ด้วย
การตอบสนองของแป้นเบรก ของทั้ง 2 รุ่น ไม่แตกต่างจาก 320d เท่าใดนักเลย คืออาจต้องใช้
ความพยายามในการคุมน้ำหนักเท้าขวาลงบนแป้นเบรกให้รถหยุดนุ่มๆ ไม่เช่นนั้นก็จะเจอ
อาการ “จิก” ในตอนจบ รถหยุดนิ่ง ภาพรวมยังคง ทำงานได้ไว และทันท่วงที แป้นเบรก มี
น้ำหนักดี ตอบสนองได้หนักแน่นพอสมควร ระบบเบรกไว้ใจได้ แต่ยังยืนยันว่า สำหรับ
328i แล้ว ถ้าได้ผ้าเบรกที่ดีกว่านี้ อีกสักหน่อย สอดคล้องกับสมรรถนะของรถอีกนิดนึง ก็
ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจ จากการชะลอรถลงมาจากย่านความเร็วสูงมากกว่านี้
********** การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย **********
ถ้า 320d ครองแชมป์ความประหยัดน้ำมันประจำเว็บไซต์ Heaqdlightmag.com ของเรา
ไปด้วยตัวเลข 20.61 กิโลเมตร/ลิตร คำถามก็คือ แล้วรุ่นเครื่องยนต์ เบนซิน ของ 3-Series
ใหม่ทั้ง 2 รุ่นย่อยละ จะทำตัวเลขออกมาได้ดีแค่ไหน
แน่นอนละ จะให้ประหยัดน้ำมันเท่ากับรุ่น Diesel คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ขอแค่ว่า
ให้ตัวเลขความประหยัด มันออกมาไม่น่าเกลียด และยังรักษาศักดิ์ศรีผู้นำในการพัฒนา
เครื่องยนต์ ของชาวมิวนิค เอาไว้ให้เป็นที่โจทย์ขานไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ก็เพียงพอแล้ว
เราจึงยังต้องมาพิสูจน์กันด้วยวิธีการเดิมๆ นั่นคือ นำ 320i และ 328i ไปเติมน้ำมันเบนซิน
ออกเทน 95 TECHRON ที่สถานีบริการน้ำมัน Caltex ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามซอยอารีย์
ถัดจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อารีย์ เราเติมน้ำมันเบนซิน 95 ในการทดลอง เช่นเดียวกับ
รถยนต์เบนซิน ทุกคัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
สักขีพยาน มี 2 คน คือน้องโจ๊ก V10ThLnD แห่ง The Coup Team ของเรา และอีกรายก็
ตาถัง เพื่อนเก่าแก่ของผม ซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยยังเล่น Pantip ห้องรัชดา ปัจจุบันนี้
ถังได้ทำตามความฝัน และเตรียมตัวสู่การเป็น นักบินของ สายการบิน ไทย สไมล์ ซะที
เราเติมน้ำมันกันเพียงแค่หัวจ่ายตัด เพราะสำหรับรถยนต์กลุ่ม Premium หรือรถยนต์
ที่มีขนาดเครื่องยนต์ เกินกว่า 2,000 ซีซี ขึ้นมา หรือมีค่าตัวเกินกว่า 1.5 ล้านบาท มัก
มีผู้บริโภค สนใจอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ไม่ซีเรียสมากเท่ากับกลุ่มรถยนต์นั่งพิกัด
ต่ำกว่า 2,000 ซีซี หรือ รถกระบะ ซึ่งรถยนต์ทั้ง 2 ประเภทดังกล่าว เรายังต้องเขย่ารถ
เพื่อเติมอัดกรอกน้ำมันอยู่
แต่ในรถยนต์กลุ่ม Primuim ทั้งหมด รวมทั้งรถยนต์นั่งขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ หรือ
D-Segment เราแค่เติมน้ำมัน ให้หัวจ่ายตัด ก็พอแล้ว
เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ เราปิดฝาถัง คาดเข็มขัดนิรภัย เซ็ตตั้งค่า ของระบบคำนวน อัตรา
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในรถ ทั้ง On-Board Computer และ Journey Computer
ให้อยู่ในค่าเริ่มต้น (Reset ) เปรียบเทียบเพื่อ เช็คความเพี้ยน เป็นการสอบทานไปในตัว
เซ็ต 0 บน Trip Meter A เพื่อวัดระยะทาง ติดเครื่องยนต์ คาดเข็มขัดนิรภัย เปิดแอร์
แล้วจึงออกรถ มุ่งหน้าไปเลี้ยวกลับ บนถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้าย เข้าซอยอารีย์ ลัดเลาะ
ไปออกปากซอยโรงเรียนเรวดี เลี้ยวซ้าย เข้าถนนพระราม 6 ไปเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วน ที่
ด่านพระราม 6 ขับมุ่งหน้าไปยังปลายสุดสายทางด่วนอุดรรัถยา (เส้นเชียงราก) ที่ด่าน
บางปะอิน แล้วเลี้ยวกลับมาขึ้นทางด่วนสายเดิมที่ด่านเดิม
ภายใต้มาตรฐานดั้งเดิม คือ ใช้ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เปิดแอร์ นั่ง 2 คน
เพื่อให้การรักษาความเร็วเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เราจึงเปิดระบบควบคุมความเร็ว
คงที่ Cruise Control (บนสวิชต์พวงมาลัย ฝั่งซ้าย) ใช้งานกันไปตลอดทาง
เมื่อเข้าเขตเมือง เราลงทางด่วนกันที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลี้ยวซ้าย กลับเข้าสู่ถนน
พหลโยธิน แล้วเลี้ยวกลับ เข้าสถานีบริการน้ำมัน Caltex เพื่อเติมน้ำมันเบนซิน 95
TECHRON ที่ปั้มเดิม หัวจ่ายเดิม และเติมน้ำมันกันด้วยวิธีการเดิม เหมือนกันเป๊ะ
ทั้งขาไป และขากลับ คือเติมแค่ หัวจ่ายตัด ก็พอแล้ว ไม่เขย่ารถ
เมื่อคำนวนตัวเลขกันออกมาแล้ว ผลลัพธ์ออกมาดังต่อไปนี้
เริ่มจากรุ่น 320i เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ กันก่อน
ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด Trip Meter A อยู่ที่ 93.9 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 5.54 ลิตร
เมื่อหารกันแล้ว ได้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.94 กิโลเมตร/ลิตร
เฮ้ย! ไม่เลวนะเนี่ย อีกนิดเดียว ก็ 17 กิโลเมตร/ลิตรแล้ว นี่ถือว่าทำตัวเลข
ออกมาได้ดีระดับเดียวับ Honda Brio เลยนะ อีกนิดเดียว ก็ Nissan March
รุ่นเกียร์ CVT แล้วละ!!!
ประหยัดพอกันกับ ECO Car เลยทีเดียว!
ส่วนรุ่น 328i เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ นั้น
ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด Trip Meter A อยู่ที่ 94.9 กิโลเมตร
(ตัวเลขมาตรวัด เพิ่มขึ้นมาอีก 1 กิโลเมตร)
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 5.83 ลิตร
เมื่อหารกันแล้ว ได้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.27 กิโลเมตร/ลิตร
ก็ยังถือว่าประหยัดน้ำมันกว่าที่คิดไว้มากๆ และประหยัดกว่า รถยนต์นั่ง
เครื่อวงยนต์เบนซิน อีกหลายคันที่เราเคยทำการทดลองกันมา ตัวเลขที่
ออกมา ใกล้เคียงกับ Ford Fiesta 1.6 ลิตร
ถึงแม้ว่าเปรียบเทียบตัวเลขกับ พี่น้องรน่วมตระกูลแล้ว ยังไงๆ 320d Saloon
ก็ยังคงครองแชมป์ความประหยัดน้ำมัน เป็นอันดับ 1 ของ เว็บไซต์เรา ต่อไป
กระนั้น ตัวเลขที่ 320i และ 328i ทำออกมา ก็ไม่น่าเกลียดเลย แถมยังต้องจัด
เอาไว้ในกลุ่มรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน อันดับต้นๆ ของเราด้วยซ้ำ เพราะ
ถ้าทำตัวเลขเกินกว่า 16 กิโลเมตร/ลิตร ขึ้นมาได้ นั้นแสดงให้เห็นว่า ทีม
วิศวกร จะต้องทุ่มเทจัดการกับแรงเสียดทานตามจุดต่างๆไปมากเลยทีเดียว
แล้วน้ำมัน 1 ถัง จะแล่นได้ไกลแค่ไหน?
เอาเฉพาะรุ่น 320i จะเห็นว่า มาตรวัดขึ้นไปที่ 448 กิโลเมตร และเข็มน้ำมัน
ยังเหลืออีก 1 ใน 4 ของถัง แสดงว่า ถ้าขับกันเนียนๆ ประหยัดๆ จริงๆ คุณ
อาจทำตัวเลข น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ 600 กิโลเมตร และยิ่งถ้าใช้โหมด ECO PRO
มาช่วย จะยิ่งเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นไปอีก เลขโบนัส + กิโลเมตร
ที่ขึ้นบนมาตรวัด จะแสดงให้เห็นว่า คุณสามารถแล่นได้ระยะทางเพิ่มขึนอีก
กี่กิโลเมตร จากน้ำมันถังเดิมที่คุณขับขี่อยู่
ส่วน 328i ความไวของเข็มน้ำมัน ที่จะลดฮวบลง ขึ้นอยู่กับว่า คุณขับเร็วแค่ไหน
บ่อยไหม? ถ้าคำตอบคือใช่ ต่อให้ใช้โหมด ECO PRO ก็จะช่วยเพิ่มความประหยัด
มาได้อีกนิดนึง แต่น้ำมัน 1 ถัง น่าจแล่นได้ 500 กิโลเมตรเป็นขั้นต่ำแน่ๆ เพราะ
ทั้ง 2 รุ่นนั้น กว่าเข็มน้ำมันจะมาแตะระดับครึ่งถัง ระยะทางแล่น ก็ปาเข้าไปเกิน
300 กิโลเมตร กันแล้ว
********** สรุป **********
“ขอช่วงล่าง 320d E90 Minorchange คืนมาาาาาาาาาาา!!!”
ผมชักเริ่มสงสัยว่า หากในช่วงปีหน้า เราจะต้องทำสรุป Headlightmag Best Drive 2013
ในปีหน้า 2014 ถ้า BMW 3-Series ใหม่ หลุดเข้ามาอยู่ในโผคะแนนของเรา รวดเดียว
2-3 คัน เราจะทำอย่างไรดี?
ถ้าจะบอกว่า ช่วยไม่ได้ ปีนี้ เราลองขับ BMW 3-Series ใหม่ 4 รุ่นย่อยรวดเดียวเลย
และแทบทุกรุ่น หากมองกันแค่ตัวรถ และไม่นับปัจจัยอื่น อย่างราคา หรือบริการหลังการขาย
รวมทั้งราคาขายต่อ ยังไงๆ 3-Series ใหม่ ก็ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ ที่น่าซื้อหามาเป็น
เจ้าของ ชาว BMW Lover ในเว็บเราก็คงจะกรีดร้องดีใจกันออกนอกหน้าเกินเหตุแหงๆ
ทั้งที่ผมเอง ก็ไม่ค่อยอยากเห็นภาพนั้นเท่าใดนัก….เดี๋ยวจะหาว่า ลำเอียง ไม่ตรงไปตรงมา
เพียงแต่ว่า คราวนี้ 320d กำลังมีคู่แข่งใหม่ ไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนพ้องร่วมตระกูล
เดียวกัน ที่ใช้ขุมพลัง เบนซิน N20B20 บล็อกใหม่นี่เอง!
ไม่ว่าคุณจะเลือก 320i หรือ เพิ่มงบไปเล่น 328i สิ่งที่คุณจะได้ นอกจากความสนุก
ในการขับขี่ แบบ 3-Series ที่คุณคุ้นเคย คุณยังจะได้ออพชัน ในแบบเดียวกันกับ
320d Saloon อีกด้วย งานนี้ BMW นอกจากจะทำการบ้าน เรื่องการควบคุมต้นทุน
มาค่อนข้างดีแล้ว ยังใจป้ำอัดออพชันมาให้เต็มพิกัดใช้ได้เลยทีเดียว
แม้ว่า 328i จะแรงสาแก่ใจ แต่ 320i ก็ทำตัวเลขด้อยกว่ากันแค่ 1 วินาที ทั้ง 2 เกม
การจับเวลา กับค่าตัวที่ต่างกัน ราวๆ 4-5 แสนบาท ก็ยิ่งช่วยให้หลายคนตัดสินใจ
ได้ง่าย ไม่ยากนัก
เสียดายเพียงแค่…ช่วงล่าง นุ่มนิ่มเกินไปหน่อย!
ปัญหาเดียวของ ทั้ง 320i กับ 328i ก็ยังคงเป็นปัญหาเดียวกันกับที่ผม พบเจอใน 320d ใหม่
ทั้ง Saloon และ Touring Wagon นั่นแหละ คือ BMW เล่นวางเครื่องยนต์และเกียร์ที่ให้
การตอบสนองดีเลิศ สมรรถนะสูง เอาใจคนเท้าขวาหนัก ชอบกระทืบคันเร่งไม่ไว้หน้า
ใครทั้งสิ้น มาให้ชาวไทยกันแล้ว แต่กลับให้ ช่วงล่าง ที่นุ่มนิ่มเกินไป สำหรับลูกค้ากลุ่ม
ตีนโหดเหล่านี้ ถ้าเซ็ตช่วงล่างให้นิ่มอีกเพียงนิดเดียว ก็เกือบจะนิ่มเท่า Volvo แล้วเหอะ!
อย่างที่ผมเคย Comment ไปแล้ว ในรีวิว 320d ว่า กลุ่มลูกค้า ของ 3-Series ในเมืองไทย
จำนวนไม่น้อย นอกจากเป็นพวกตีนโหดแล้ว ยังมี กลุ่มนักศึกษา ประเภทที่ต้องเร่ง ทำเวลาบน
ทางยกระดับบูรพาวิถี ด้วยความเร็วระดับ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อไปให้ทันเช็คชื่อเข้าสอบ
คาบเรียนเช้า ที่ ABAC บางนา
บอกเลยว่า ช่วงล่างที่ติดตั้งมาให้นี้ แม้จะตอบโจทย์เอาใจลูกค้าจำนวนมาก ที่อยากได้
ความสบายจากการขับขี่ในเมือง รวมทั้งกลุ่มลูกค้าที่ลองปันใจจาก Mercedes-Benz
มาลองคบหากับ BMW เป็นครั้งแรกก็ตาม
แต่ มันเป็นช่วงล่างที่เหมาะกับการ ขับขี่ทางไกลยาวๆ และถนนต้องเรียบๆ เท่านั้น เพราะ
มันไม่เหมาะกับการรองรับขณะเล่นโค้งเสียเลย การทำลายบุคลิกของรถขับสนุก ด้วยช่วงล่าง
ที่นิ่มเป็นเตียงนอนสปริงของ IKEA กันขนาดนี้ ผมได้แต่ตั้งคำถามว่า ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?
หรือเพราะว่า การที่ลูกค้าชาวไทยจำนวนไม่น้อย ขยันใช้สิทธิ์รับประกันคุณภาพ 5 ปี
หรือ BSI ด้วยการเคลมเปลี่ยนช็อกอัพใหม่ บ่อยๆ จะทำให้วิศวกรชาวเยอรมัน เขา
เข้าใจผิดว่า ถนนเมืองไทย ไม่ต่างอะไรจากพื้นผิวอุกาบาต ตกสะเก็ดบนดาวนาเม็ก
เลยตัดสินใจประชุมกันแล้ว เปลี่ยนช็อกอัพกับสปริงใหม่ สำหรับตลาดเอเซีย ให้
นุ่มและนิ่มกว่าเดิม เป็นขนมถ้วยฟู กันไปเลย อย่างที่เห็นอยู่นี้? ทั้งที่ความจริงแล้ว
คนไทย แค่อยากได้ช็อกอัพแบบเดิม แต่ในสภาพที่ใหม่ เหมือนออกจากโชว์รูม
แค่นั้นเลย!?
ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลกลใดก็ตาม ได้โปรด! BMW Thailand และ BMW Munich
โปรด เซ็ตช่วงล่างของ 3-Series เวอร์ชันไทย ให้กลับไปเป็นเหมือนเช่นช่วงล่าง
ของ 320d E90 Last Minorchange รุ่นปี 2009 – 2011 ด้วยเถิด เพราะนั่นคือ การ
ปรับเซ็ตระบบกันสะเทือน ที่ลงตัวดีที่สุด สำหรับถนนเมืองไทย ขับสบาย
ผ่านรอยต่อ พื้นผิวขรุขระ ได้นุ่มนวล ซับแรงสะเทือนได้เป็นเลิศ ที่สำคัญ
ยังพารถเข้าโค้ง หรือเล่นบทโหดรับวันมามาก กับรถได้อย่างมั่นใจและแสน
สุขเกษมเปรมปรีด์เป็นยิ่งนัก!
มิเช่นนั้น ก็หาช่วงล่าง M Sport Package มาเป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ ให้กับ
บรรดาลูกค้าตีนผีวัยคะนองทั้งหลาย อย่างน้อย เพื่อที่จะช่วย Safe ชีวิตของเขา
ให้อยู่อุดหนุน BMW คันต่อไปได้อีกนานๆ โดยเฉพาะ น้องๆ นักศึกษา ABAC
จัดมาเลยครับ ช็อกอัพ 4 ต้น สเป็กพิเศษ ที่ผมขอตั้งชื่อว่า
“ABAC Tune Suspension”
เด็กจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ม.เกษตร มศว. หรือแม้แต่ ม.รามคำแหง ก็อุดหนุนได้นะครับ!
แค่เนี้ยแหละ 3-Series ใหม่ ก็จะปราศจากซึ่งข้อน่าตำหนิใหญ่ๆ หมดไปอย่างง่ายดาย
ที่เหลือหลังจากนี้ ไปตามเก็บ แก้ไข ทั้ง ปัญหาโครงเบาะคู่หน้า แอบมีสนิม (บริษัทแม่
เรียก Recall ไปแล้ว) รวมทั้ง การเก็บเสียงจากประตูหน้าฝั่งซ้าย ที่ยังแอบมีเสียงลม
เล็ดรอดเข้ามา บริเวณขอบเสากรอบประตู ดังกว่าที่เคยเป็น เท่านี้ ก็เรียบร้อย
ถ้าต้องเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด เวลานี้ 3-Series ใหม่ เหมาะจะฟาดฟันกับใคร?
หลายคนคงมีทางเลือกในใจไว้ดังต่อไปนี้
1. มอง 320i BASE เทียบกับ Mercedes-Benz C200 BASE
คู่นี้ ถ้าเลือกสมรรถนะ BMW ก็น่าจะได้เปรียบ แต่ถ้าในชีวิตนี้ อยากเป็นเจ้าของ
รถยนต์ตราดาวสักคัน สักครั้ง C200 BASE ก็ไม่น่าเกลียดแต่อย่างใด
2. มอง 320d หรือ 320i คันใดคันหนึ่ง หรือทั้งคู่ แล้ว เทียบกับ Volkswagen Golf GTi
ถ้าลองขับ 320d แล้วชอบ อย่าได้คิดไปลอง Golf GTi ต่อ เพราะคุณจะติดใจทันที
แต่ ถ้าอยากลอง ก็ทำได้ เพราะชื่อเสียงของศูนย์บริการของไทยยานยนตร์ นั่นละ
อาจทำให้คุณคิดหนัก
3. มอง 320i หรือ 320d เทียบกับ Volvo S60 หรือ S80
ถ้าเทียบ S60 ละก็ ตรงรุ่น ชกกันตรงพิกัด S60 ได้ข้าวของด้านความปลอดภัยที่
เหนือกว่า 3-Series บางด้าน เช่น สัญญาณเตือนรถคันข้างๆ ณ กระจกมองข้าง
หรือจะเป็น ระบบ City Safety ฯลฯ อีกทั้งค่าตัวก็ถูกกว่า การขับขี่ ใกล้เคียงกับ
3-Series แต่อัตราเร่ง และความประหยัดน้ำมัน ยังด้อยกว่านิดนึง ไม่เยอะ
แต่ถ้าเป็น S80 คุณจะได้รถใหญ่กว่า นั่งสบายกว่า แต่ต้องแลกกับบุคลิกของรถ
ที่ไม่ Sport เอาเสียเลย เป็นรถเก๋งสำหรับผู้บริหารนั่งสบายๆ เท่านั้น
4. มอง 320i หรือ 320d เทียบกับ Audi รุ่นใดก็ตาม
BMW กินขาด ในเรื่องบริการหลังการขาย อย่างน้อย ศูนย์บริการก็มีเยอะกว่า และ
การรับประกัน 5 ปี BSI ก็ช่วยให้หลายคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะ
5. มอง 320i หรือ 320d เทียบกับ Lexus IS รุ่นใหม่
เท่าที่ได้ลองนั่ง ในห้องโดยสารของ IS ใหม่มาแล้ว ผมบอกได้ว่า ภายในของ
3-Series ใหม่ โปร่งกว่านิดหน่อย ส่วนสมรรถนะ ยังบอกไม่ได้ เพราะได้แค่
ลองนั่งในงาน Motor Show แค่นั้น ต้องรออีกพักใหญ่ๆ
แต่ถ้าคุณตอบคำถามข้างต้นมาได้ทั้งหมด จนมั่นใจแล้วว่า ใจเอนเอียงมาทางใบพัดสีฟ้า แล้วละ?
คุณควรจะเลือกซื้อรุ่นย่อยรุ่นไหนดี?
มาดูค่าตัวกันก่อน
BMW 320i BASE ราคา 2,249,000 บาท
BMW 320i Modern , Luxury , Sport ราคา 2,679,000 บาท
BMW 320d Modern , Luxury , Sport ราคา 2,899,000 บาท
BMW 328i Sport ราคา 3,099,000 บาท
BMW 320d Touring Sport ราคา 4,499,000 บาท
BMW ActiveHybrid 3 Sport ราคา 4,199,000 บาท
โดยส่วนตัวผม คงเลือก 320d เพราะ หลักในการเลือกรถยนต์ของผมสักคัน
ทั้งอัตราเร่ง สมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน การเซ็ตช่วงล่าง ความปลอดภัย
ความสวยงามทุกอย่างในภาพรวม ต้องดีในระดับเท่าๆ กันหมด
320d นั้น แม้อัตราเร่ง จะด้อยกว่าพี่น้อง แต่ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเปลือง ยังคง
ประหยัดระดับเทพเจ้า ที่สุดในตลาด ช่วงล่าง อาจจะไม่ถึงกับดีเท่ารุ่นก่อน
แต่ผมก็ยังใช้ชีวิตอยู่กับช่วงล่างนุ่มๆนิ่มๆแบบนี้ได้ ไม่เป็นปัญหา
(แต่ ช่วงล่างแบบนี้ แฟนพันธ์แท้ BMW หรือใครที่เคยขับ BMW มาก่อน
จะบ่นกันอุบ และเกลียดช่วงล่างของรถรุ่นนี้กันไปเลยเป็นส่วนใหญ่!)
แม้ว่าใจจริง ผมอยากได้ 320d Touring Wagon แต่ป้ายราคาที่แพงมหากาฬ
ทำให้ผม คงได้แต่นั่งตาละห้อยเป็นหมาน้อยคอยชะเง้อเครื่องบินอยู่ตามเดิม
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนทั่วไป ที่คิดว่ามองหาความคุ้มค่า อยากได้พละกำลัง
และอัตราเร่ง รวมทั้งออพชันที่เท่ากัน แต่ไม่ได้มีเงินมากพอจะจ่ายเพื่อ 320d
บอกเลยว่า 320i นั้น”เพียงพอแล้ว” คุณจะได้สมรรถนะ ใกล้เคียงกับ 328i
แม้จะไม่ถึงกับแรงสะใจเท่า 328i ก็ตาม
แต่…ถ้าคุณเป็นคนชอบขับรถ ตีนขวาโหด เท้าหนัก ชอบความแรง เร้าใจใน
ระดับที่เกือบสะใจ หรืออยากลองเล่นรถแรงกับเขาดูบ้าง 328i คือบันไดชั้นดี
ในการปีนป่าย และสร้างประสบการณ์ ในการขึ้นไปขับรถ Hi-Performance
ทั้งหลาย ไม่แพ้ Volkswagen Golf GTi กับ Scirocco หรือ Skoda Fabia RS
อีกทั้งราคาขายปลีก ก็ไม่โหดต่อกระเป๋าสตางค์ของคุณมากเกินไป
เพียงแต่คุณต้องทำใจ ว่าต่อให้เลือกรุ่นย่อยไหนก็ตาม ทั้งพวงมาลัย เบรก และ
ช่วงล่างก็จะมาในแนว นุ่มพอกัน อีกนิดเดียวก็จะนิ่ม แบบ Volvo ยุค 10 ปีที่แล้ว
เลยนะ!
ถ้าทำใจรับได้ หรือเตรียมจะเปลี่ยนช็อกอัพชุดแต่งอยู่แล้ว เดินเข้าโชว์รูม BMW
ที่ได้รับการแต่งตั้ง อย่างเป็นทางการ ได้เลย!
———————————
ก่อนจากกัน…
ผมเชื่อว่า หลังจากบทความรีวิวนี้ เผยแพร่ออกไป สิ่งที่จะได้เห็นบนท้องถนน
ในกรุงเทพฯ รวมทั้งเมืองไทย ก็คือ จะมี 320i BASE รุ่นพื้นฐาน ออกมาวิ่ง
มากขึ้น พอกันกับ 320i รุ่น Luxury และ Sport ส่วน 320d จะยังขายได้เรื่อยๆ
แต่อาจไม่หวือหวาเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ ที่สำคัญคือ ปริมาณประชากรของ
328i จะเริ่มมากขึ้นกว่าที่เคยมีอีกนิดหน่อย แต่ก็คงไม่มากนัก
นั่นคือสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ ก่อนที่ บทความ Full Review BMW ActiveHybrid 3 จะมาถึง
———————————///——————————
ขอขอบคุณ / Special Thanks to :
คุณพิสมัย เตียงพาณิชย์
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท BMW (Thailand) จำกัด
เอื้อเฟื้อรถทดลองขับ
—————————————–
บทความที่ควรอ่านเพิ่มเติม
– บทความ ทดลองขับ BMW 320d (F30) Sport ทั้งรุ่น Saloon และ Touring Wagon
– บทความ ทดลองขับรถยนต์ กลุ่ม Primium Compact
—————————————–
J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน ภาพวาดกราฟฟิกทั้งหมด เป็นลิขสิทธิ์ของ BMW
สหพันธรัฐเยอรมนี ส่วน ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
24 เมษายน 2013
Copyright (c) 2013 Text and Pictures (All Illustration is own by BMW.
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
April 24th,2013
แสดงความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่ / Comments are Welcome! Click here!